Saturday, March 29, 2025

เหตุการณ์แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 กับผลกระทบในประเทศไทย


เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เมียนมา แม้จะไม่มีศูนย์กลางอยู่ในไทยโดยตรง แต่แรงสั่นสะเทือนกลับส่งผลต่ออาคารสูงในหลายจังหวัด รวมถึงเกิดเหตุอาคารถล่มในพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย

🕒 Timeline เหตุการณ์

13:20 น.
เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ความลึก 10 กิโลเมตร ที่พิกัด 22.07°N, 96.12°E ประเทศเมียนมา

13:22 น.
แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, พิษณุโลก, เชียงราย และนครสวรรค์ โดยเฉพาะในอาคารสูง

13:30 น.
อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ย่านจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มบางส่วน มีคนงานติดค้างอยู่ภายในจำนวนมาก

14:00 น.
หน่วยกู้ภัยเข้าพื้นที่และเริ่มภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ติดใต้ซากโครงสร้างทันที

14:30 น.
มีการ ปิดถนนกำแพงเพชร 2 ช่วงเจเจมอลล์ เพื่อความปลอดภัยและสนับสนุนงานกู้ภัย

15:00 น.
กรมอุตุนิยมวิทยาแถลงยืนยันว่า ไม่มีความเสี่ยงจากสึนามิ ในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศไทย

15:30 น.: นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตประสบสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

17:00 น.
มีการระดมเครื่องมือหนักเพิ่มเติมเข้าช่วยในการค้นหาผู้ติดค้าง

19:00 น.
รายงานระบุมีผู้รอดชีวิตถูกช่วยออกมาได้หลายราย และยังมีผู้ที่อยู่ระหว่างการค้นหาเพิ่มเติม

19:30 น.: นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

21:00 น.: ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวสรุปสถานการณ์แผ่นดินไหว โดยระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 8 ราย จากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่มในพื้นที่จตุจักร และเครนก่อสร้างล้มที่แยกบางโพ

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้เปิดสวนสาธารณะ 5 แห่ง ได้แก่ สวนลุมพินี, สวนจตุจักร, สวนเบญจกิติ, สวนเบญจสิริ และศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (ทุ่งครุ) ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ช่วงค่ำ – กลางคืน
เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังแรงสั่นสะเทือนซ้ำ (Aftershock) ซึ่งไม่พบว่ามีผลกระทบเพิ่มเติมในไทย

การตรวจสอบอาคาร (คืนวันที่ 28 – เช้าวันที่ 29)

  • สำนักการโยธา และสำนักงานเขตเริ่มตรวจสอบอาคารสูงและอาคารเก่าทั่วกรุงเทพฯ

  • เร่งจัดทำรายชื่ออาคารที่อาจมีความเสี่ยง และขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการส่งวิศวกรตรวจสอบโครงสร้างภายใน 7 วัน


✅ ข้อสังเกตสำคัญ

  • แผ่นดินไหวครั้งนี้ย้ำเตือนถึงความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจได้รับจากเหตุการณ์นอกประเทศ

  • อาคารสูงและไซต์ก่อสร้างจำเป็นต้องมีมาตรการด้านโครงสร้างและความปลอดภัยที่เข้มงวด

  • แอป Thailand Disaster Alert ของ ปภ. ใช้การไม่ได้ (ใช้เงินภาษีประชาชนไปเท่าไหร่ครับ ผมอยากรู้)

  • ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ เช่น Disaster Alert หรือ Earthquake Network ที่ใช้งานได้จริง ควรติดตั้งใช้งานทั้งในระดับบุคคลและองค์กร



Friday, March 28, 2025

อัปเดตเทคโนโลยี ChatGPT ไตรมาสแรก ปี 2568: เสียง ภาพ และ AI ที่ฉลาดขึ้น

ผู้เขียนรวบรวมการอัปเดตสำคัญ ๆ ของ OpenAI ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568 เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับการศึกษาเทคโนโลยีตามความสนใจส่วนตัว นึก ๆ ไปว่า ถ้าวางไว้ใน Blog มีคุณผู้อ่านท่านอื่นที่สนใจเรื่องเดียวกันอยู่ได้ใช้ประโยชน์ด้วยก็คงจะดี คิดได้อย่างนี้แล้วก็จัดไป ... เรียบเรียง สรุป เป็นบทความตามนี้ครับ

ไตรมาสแรกของปี 2568 OpenAI ได้ประกาศอัปเดตเทคโนโลยีที่สำคัญหลายรายการให้กับแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งครอบคลุมทั้งการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น Advanced Voice Mode และ GPT-4o Image Generation การพัฒนาโมเดลภาษาใหม่อย่าง GPT-4.5 และ o3-mini รวมถึงการเปลี่ยนแปลง API และเครื่องมือใหม่สำหรับนักพัฒนาอย่าง Responses API และ Agents SDK บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มการพัฒนา AI ที่มุ่งเน้นความสามารถเฉพาะทาง ความเข้าใจโดยสัญชาตญาณ การตอบสนองเชิงภาพและเสียง ตลอดจนการสนับสนุนนักพัฒนาในการสร้าง AI agents ที่ใช้งานได้จริง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ ChatGPT ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน AI เชิงสนทนาในยุคปัจจุบัน


การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงฟังก์ชันการทำงาน

Advanced Voice Mode (มีนาคม 2568)

OpenAI ได้อัปเดต Advanced Voice Mode เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 เพื่อปรับปรุงการตอบสนอง ลดการขัดจังหวะ และเสริมบุคลิกของ AI โดยใช้โมเดล GPT-4o ผู้ใช้งานแบบชำระเงินจะได้สัมผัสประสบการณ์การสนทนาที่เป็นธรรมชาติ กระชับ และสร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งนี้ ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในตลาด AI voice assistant ที่เพิ่มสูงขึ้น โดย OpenAI มุ่งพัฒนาให้ AI มีบุคลิกที่น่าสนใจ ใช้งานสนุก และสามารถเชื่อมโยงกับผู้ใช้งานได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การสร้างภาพด้วย GPT-4o (มีนาคม 2568)

วันที่ 25 มีนาคม 2568 OpenAI เปิดตัวความสามารถสร้างภาพผ่าน ChatGPT โดยใช้ GPT-4o ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์คำอธิบายเพื่อสร้างภาพ พร้อมรองรับคำสั่งซับซ้อน อัตราส่วนภาพ รหัสสี และการสร้างภาพแบบหลายรอบ มีการเรียนรู้ตามบริบทจากภาพที่อัปโหลด และฝัง meta data แบบ C2PA เพื่อความโปร่งใส ฟีเจอร์นี้เปิดให้ผู้ใช้งานฟรีใช้งานได้ พร้อมการเข้าถึงขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ Plus และ Pro เป็นการผลักดันการใช้งาน AI เชิงสร้างสรรค์ในชีวิตจริง เช่น การทำโลโก้และไดอะแกรม

เครื่องมือใหม่สำหรับการสร้าง Agents (มีนาคม 2568)

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม OpenAI ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่สำหรับนักพัฒนา ซึ่งรวมถึง Responses API และ Agents SDK ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้าง AI agents ที่ทำงานอัตโนมัติได้ง่ายขึ้น Responses API ผสานความสามารถของ Chat Completions และ Assistants API เข้าด้วยกัน ขณะที่ Agents SDK ช่วยจัดการเวิร์กโฟลว์ของ agent ได้ทั้งแบบเดี่ยวและหลายตัว พร้อมเครื่องมือในตัวอย่างการค้นหาเว็บ การค้นหาไฟล์ และการใช้งานคอมพิวเตอร์

Operator (มกราคม 2568)

OpenAI ได้เปิดตัว Operator เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 สำหรับผู้ใช้ Pro ในสหรัฐอเมริกา เป็น AI agent ที่สามารถทำงานบนเว็บได้จริง เช่น การจอง จัดตาราง หรือซื้อสินค้า โดยขับเคลื่อนด้วยโมเดล CUA (Computer-Using Agent) ที่สามารถโต้ตอบกับ GUI ได้ Operator ถือเป็นการก้าวข้ามจาก AI ที่ตอบโต้ข้อความ ไปสู่ระบบอัตโนมัติที่ใช้งานเว็บแทนมนุษย์ และมีแผนจะเปิด API ให้นักพัฒนาใช้งานในไตรมาสที่ 3 ปี 2568


การอัปเดตโมเดลภาษา

GPT-4.5 (กุมภาพันธ์ 2568)

GPT-4.5 หรือชื่อรหัส "Orion" เปิดให้ผู้ใช้ Pro ทดสอบเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเน้นความสามารถด้านการสนทนา ความคิดสร้างสรรค์ และ EQ ที่ดีขึ้น แม้ไม่เด่นเรื่องการให้เหตุผลเชิงลึกเท่า o-series แต่ก็เป็นก้าวสำคัญของโมเดลที่เรียนรู้แบบไม่มีผู้สอน

ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับโมเดลอื่น:

เกณฑ์ GPT-4.5 GPT-4o o3-mini
วิทยาศาสตร์ (GPQA) 71.4% 53.6% 79.7%
คณิตศาสตร์ (AIME '24) 36.7% 9.3% 87.3%
หลายภาษา (MMMLU) 85.1% 81.5% 81.1%
หลายรูปแบบ (MMMU) 74.4% 69.1% -
การเขียนโค้ด (SWE-Bench Verified) 38.0% 30.7% 61.0%

o3-mini (มกราคม 2568)

โมเดล o3-mini เปิดตัวเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 พัฒนาต่อยอดจาก o1-mini โดยเน้น reasoning เชิง STEM และประสิทธิภาพด้านต้นทุน รองรับ structured output, function calling และการสตรีม API พร้อมรองรับภาพ (multimodal) และสามารถปรับระดับ reasoning ได้ (ต่ำ กลาง สูง)

เมื่อเทียบกับ o1-mini:

  • ตอบสนองเร็วขึ้น 24%

  • ลด latency แรกลงได้ 2.5 วินาที


การอัปเดตและการเปลี่ยนแปลง API

โมเดลเสียงใหม่ใน API (มีนาคม 2568)

OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลเสียงใหม่ เช่น gpt-4o-mini-tts, gpt-4o-transcribe และ whisper-1 ซึ่งรองรับทั้งการแปลงข้อความเป็นเสียง (TTS) และการถอดเสียง (STT) การเพิ่มรุ่น mini ทำให้เหมาะกับผู้พัฒนาแอปที่ต้องการประสิทธิภาพต้นทุนต่ำ

การอัปเดต Responses API และเครื่องมือในตัว

โมเดลใหม่เช่น gpt-4o-search-preview และ computer-use-preview ถูกเพิ่มใน Responses API พร้อมเครื่องมือในตัวที่ช่วยให้ agents โต้ตอบกับระบบได้หลากหลายมากขึ้น เช่น การค้นหาเว็บหรือใช้งานคอมพิวเตอร์

โมเดลเวอร์ชันเฉพาะ

OpenAI ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ของ o3-mini (o3-mini-2025-01-31) และ o1-pro รวมถึงเปิดให้ใช้ gpt-4o audio completions บน Azure แสดงถึงความตั้งใจในการกระจายความสามารถสู่แพลตฟอร์มต่าง ๆ


ประสบการณ์ผู้ใช้งานและความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

เสียงสะท้อนจากผู้ใช้งาน

มีผู้ใช้งานบางรายรายงานว่า:

  • ChatGPT ฉลาดน้อยลงในบางมิติ

  • โมเดลบางรุ่นตอบสั้นลงหรือไม่ลึกซึ้ง

  • ความคิดสร้างสรรค์ลดลง

  • ความสามารถในการสร้างภาพบางช่วงหายไป

อย่างไรก็ตาม ความสามารถใหม่ เช่น GPT-4.5 และการสร้างภาพจาก GPT-4o ก็ได้รับคำชมว่า “ว้าว” และมีประโยชน์จริง

มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ

  • Advanced Voice Mode ถูกมองว่าเป็นก้าวกระโดดของ AI voice assistant

  • Operator ถูกยกให้เป็น Game-Changer ด้านระบบอัตโนมัติ

  • เครื่องมือใหม่ลดอุปสรรคการสร้าง AI agents อย่างมาก

  • GPT-4.5 ถือเป็นการพัฒนาโมเดลแบบไม่มีผู้สอนที่ก้าวหน้า

  • o3-mini เป็นโมเดล reasoning ที่ประสิทธิภาพสูงและคุ้มต้นทุน


บทสรุป

ช่วงต้นปี 2568 ถือเป็นการก้าวกระโดดของ ChatGPT ทั้งในด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน (เสียงและภาพ), การพัฒนาโมเดลเฉพาะทางที่ตอบโจทย์เฉพาะด้าน, และการเสริมพลังให้นักพัฒนาด้วยเครื่องมือที่สร้าง AI agents ได้ง่ายขึ้น แม้จะมีเสียงสะท้อนทั้งเชิงบวกและข้อกังวล แต่ ChatGPT ก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในโลกของ AI เชิงสนทนาได้อย่างมั่นคง


แหล่งข้อมูลสำคัญ:

  1. OpenAI News

  2. FoneArena – GPT‑4o Image Generation

  3. PYMNTS – Tools for AI Agents

  4. AI Agents Directory – Operator Launch



Wednesday, March 26, 2025

Earth Hour และ Earth Day: หนึ่งชั่วโมงแห่งการดับไฟ กับหนึ่งวันเพื่อโลกใบนี้

ในยุคที่ผู้เขียนรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ความร้อนที่แผดเผา น้ำท่วมที่เกิดบ่อยครั้ง หรือข่าวสารด้านลบเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อโลกใบนี้ หนึ่งในแคมเปญระดับโลกที่มีพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงสัญลักษณ์และเชิงนโยบายอย่างแท้จริงก็คือ Earth Hour ซึ่งมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับอีกหนึ่งวันสำคัญอย่าง Earth Day

*Earth Hour : เสาร์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ปีนี้ตรงกับ 22 มีนาคม 2025

จุดเริ่มต้นของ Earth Hour: แสงเทียนที่ลุกโชนจากซิดนีย์

Earth Hour เริ่มต้นในวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2550 ณ เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยผู้ริเริ่มคือ WWF-Australia ซึ่งร่วมมือกับบริษัทโฆษณา Leo Burnett และกลุ่มสื่อ Fairfax Media การปิดไฟเพียง 1 ชั่วโมงในวันนั้นโดยผู้คนกว่า 2.2 ล้านคน และธุรกิจกว่า 2,000 แห่ง กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความกังวลของประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Andy Ridley ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแคมเปญนี้ และ "The Sydney Morning Herald" ก็มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารสู่สาธารณะ แคมเปญที่เคยใช้ชื่อว่า "The Big Flick" จึงกลายเป็น Earth Hour ที่เรารู้จักกันในวันนี้

เป้าหมายระดับโลกของ Earth Hour

วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของ Earth Hour คือการสร้างความตระหนักรู้และเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป แคมเปญได้ขยายขอบเขตไปสู่การอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเชื่อมโยงกับการสูญเสียระบบนิเวศอย่างแยกไม่ออก

ประเทศไทยกับ Earth Hour: หนึ่งชั่วโมงที่สร้างผลลัพธ์นับล้าน

ประเทศไทยเข้าร่วม Earth Hour ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นแกนนำหลักในการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีเพียงแค่การเชิญชวนให้ “ปิดไฟ” เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการติดตามผลการใช้พลังงานอย่างจริงจังด้วย

🔌 สถิติการลดใช้พลังงานของกรุงเทพมหานคร

ปี ลดใช้ไฟฟ้า (เมกะวัตต์) ลด CO₂ (ตัน) ประหยัดค่าไฟ (บาท)
2025 134.00 58.6 621,000
2024 24.65 11.0 ไม่ระบุ
2023 36.00 5.2 61,324
2008–2023 (สะสม) 22,512.00 12,260.6 81.14 ล้านบาท
2008 73.34 41.6 หรือ 102* ไม่ระบุ

*หมายเหตุ: ปี 2008 มีรายงาน CO₂ จากแหล่งต่างกัน (41.6 ตัน และ 102 ตันจาก Bangkok Post)

จากข้อมูลข้างต้น ผู้เขียนมองว่าการมีส่วนร่วมของกรุงเทพมหานครใน Earth Hour ไม่เพียงเป็นเรื่องสัญลักษณ์เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงผลกระทบที่วัดผลได้จริง สื่อสารได้ดี และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและองค์กรเข้าร่วมมากขึ้นในทุกปี

📍 สถานที่สำคัญที่ร่วมดับไฟในกรุงเทพฯ

  • พระบรมมหาราชวัง

  • วัดอรุณราชวราราม

  • เสาชิงช้า

  • สะพานพระราม 8

  • วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)

🏢 การขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจและชุมชน

Earth Hour ในประเทศไทยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการดับไฟ แต่ยังมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น

  • Earth Hour Run ที่พัทยาเพื่อระดมทุน

  • โรงแรมหรู อย่าง Rosewood Bangkok และ OZO Phuket จัดดินเนอร์ใต้แสงเทียน กิจกรรมโยคะ หรือการบำบัดด้วยเสียงคริสตัล

  • กิจกรรมส่งเสริมพฤติกรรมสีเขียว เช่น การปั่นจักรยาน การถอดปลั๊ก การลดการใช้แอร์ และการใช้ขนส่งสาธารณะ

การรายงานผลในแต่ละปีโดยกรุงเทพฯ ช่วยให้แคมเปญ Earth Hour มีความต่อเนื่องทางยุทธศาสตร์ และใช้สื่อสารผลกระทบสู่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Earth Day: จุดเริ่มของขบวนการสิ่งแวดล้อมโลก

Earth Day เริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 โดยวุฒิสมาชิก Gaylord Nelson ในสหรัฐฯ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม Earth Day ครั้งแรกมีคนเข้าร่วมกว่า 20 ล้านคน และนำไปสู่การตั้งสำนักงานสิ่งแวดล้อม (EPA) และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ

ปัจจุบัน Earth Day มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1 พันล้านคนจาก 193 ประเทศ และมีธีมประจำปีที่ตอบโจทย์ความท้าทาย เช่น “Planet vs. Plastics” ในปี 2567 หรือ “Our Power, Our Planet” ในปี 2568

Earth Hour + Earth Day: สองพลังเสริมกันเพื่อโลก

แม้ Earth Hour และ Earth Day จะมีรูปแบบและช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่ทั้งสองต่างมีเป้าหมายร่วมกันคือ “การปลุกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม” โดย Earth Hour ทำหน้าที่จุดประกาย ส่วน Earth Day เป็นเวทีสำหรับลงมือทำในวงกว้าง

กรุงเทพฯ เองก็ให้ความเห็นว่า Earth Hour คือ “จุดเริ่มต้น” ของการลงมือทำด้านสิ่งแวดล้อมที่ขยายต่อไปได้ใน Earth Day ทั้งสองแคมเปญต่างกระตุ้นกันและกัน เพื่อปลุกจิตสำนึก สร้างนิสัย และเปิดโอกาสให้เราลงมือเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง


สรุปจากใจผู้เขียน

จากหนึ่งชั่วโมงของการปิดไฟ สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศ
จากหนึ่งเมืองในออสเตรเลีย สู่การมีส่วนร่วมของกว่า 190 ประเทศ
จากการประหยัดไฟเพียงเล็กน้อย สู่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดในระดับโลก

ผู้เขียนเชื่อว่า Earth Hour และ Earth Day ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมตามปฏิทิน แต่เป็นเครื่องมือในการสะท้อนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเปิดโอกาสให้ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านเล็กหรือตึกสูง ได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น


แหล่งข้อมูลสำคัญ

  1. Earth Hour - Wikipedia: https://en.wikipedia.org/wiki/Earth_Hour

  2. Earth Day - Wikipedia: https://en.wikipedia.org/wiki/Earth_Day

  3. Earth Hour Milestones: https://www.earthhour.org/about/milestones

  4. Nation Thailand (2025). Bangkok to go dark at 5 landmarks: https://www.nationthailand.com/blogs/sustaination/40047612



Most Viewed Last 30 Days