Showing posts with label ChatGPT. Show all posts
Showing posts with label ChatGPT. Show all posts

Thursday, February 6, 2025

วิธีใช้งานและเข้าถึง GPT-4o และเวอร์ชันอื่น ๆ ได้ง่าย ๆ

ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนโลกไปอย่างรวดเร็ว OpenAI เองก็มีการพัฒนาโมเดลอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเช่นกัน โดยมีหลายโมเดลให้เลือกใช้ตามความต้องการ หลายคนอาจสงสัยว่า "แล้วเราจะเข้าถึงโมเดล GPT-4 รุ่นล่าสุดได้อย่างไร?" วันนี้ผู้เขียนจะพาผู้อ่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงโมเดล GPT-4, GPT-4 Turbo, GPT-4o และ GPT-4o Mini กัน

1. เข้าถึงผ่าน OpenAI API

หากผู้อ่านต้องการนำ GPT-4 ไปใช้งานเชิงพาณิชย์หรือพัฒนาแอปพลิเคชัน สามารถเข้าถึงได้ผ่าน OpenAI API (Application Programming Interface) ซึ่งก็คือชุดคำสั่งที่ช่วยให้นักพัฒนาเข้าถึงความสามารถของ AI และนำไปใช้ในแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือบริการต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • GPT-4, GPT-4 Turbo, GPT-4o: ผู้อ่านต้องทำการชำระเงินอย่างน้อย $5 เพื่อปลดล็อก Usage Tier 1 ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานโมเดลเหล่านี้ได้เต็มที่
  • GPT-4o Mini: เป็นเวอร์ชันที่เปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ทุกคน โดยสามารถเรียกใช้งานผ่าน Chat Completions API, Assistants API และ Batch API ได้เลย

2. เข้าถึงผ่าน ChatGPT

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน GPT-4o ผ่าน ChatGPT สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ โดยมีตัวเลือกสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ ได้แก่:

  • GPT-4o: เปิดให้บริการสำหรับทุกคน ไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นผู้ใช้ Free, Plus, Pro, Team หรือ Enterprise ก็สามารถเลือกโมเดล GPT-4o จากเมนูโมเดลด้านซ้ายบนของหน้าต่าง ChatGPT ได้ทันที
  • GPT-4o Mini: เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับทุกคนเช่นกัน แต่จะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ไม่สามารถใช้เครื่องมือขั้นสูงได้เหมือนเวอร์ชันเต็ม

3. เปรียบเทียบ GPT-4 Turbo กับ GPT-4o

OpenAI ได้เปิดตัว GPT-4o เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 เพื่อเป็นเวอร์ชันที่พัฒนามาจาก GPT-4 Turbo และมีจุดเด่นที่เหนือกว่าในหลายด้าน ดังนี้:

  • ราคาถูกลง: GPT-4o มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า GPT-4 Turbo ประมาณ 50%
  • ขีดจำกัดการใช้งานสูงขึ้น: GPT-4o สามารถรองรับการประมวลผลได้สูงสุดถึง 10 ล้านโทเค็นต่อนาที มากกว่า GPT-4 Turbo ถึง 5 เท่า
  • เร็วขึ้น: GPT-4o ทำงานได้เร็วกว่า GPT-4 Turbo ประมาณ 2 เท่า
  • มองเห็นภาพได้ดีกว่า: GPT-4o มีการประมวลผลภาพที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น
  • รองรับหลายภาษาได้ดีขึ้น: GPT-4o สามารถเข้าใจและสื่อสารในภาษาต่าง ๆ ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า

นอกจากนี้ GPT-4o ยังมี context window สูงถึง 128,000 โทเค็น ซึ่งหมายความว่าสามารถจดจำและประมวลผลข้อมูลจากบทสนทนาได้ยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ และยังมีข้อมูลอัปเดตล่าสุดถึงเดือนตุลาคม 2023 อีกด้วย

สรุป

สำหรับคุณผู้อ่านที่ใช้งาน AI ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ OpenAI และกำลังมองหาโมเดลที่ใช้งานได้ดีกว่า ในราคาที่ถูกลง GPT-4o ถือเป็นตัวเลือกในขณะนี้ โดยสามารถใช้งานได้ผ่านทั้ง ChatGPT และ OpenAI API แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและเลือกใช้โมเดล AI ได้ตรงกับความต้องการนะครับ!

ข้อมูลอ้างอิง

Saturday, January 25, 2025

พิชิต Gemini: เทคนิคเขียน Prompt สู่ผลลัพธ์สุดล้ำ


ตั้งแต่ผู้เขียนรู้จักกับ ChatGPT ผู้เขียนสนใจการเขียน prompt ที่ดีเพื่อทำงาน AI Chatbot มาโดยตลอด และเมื่อเริ่มทดลองใช้งาน Gemini กลางปี 2023 ผู้เขียนจึงมุ่งไปที่การพยายามทำความเข้าใจว่าการเขียน Prompt ที่ดีบน Gemini ควรเป็นอย่างไร Blog นี้ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลและความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแบ่งปันกับผู้อ่าน

1. ทำความรู้จัก Gemini และความสำคัญของ Prompt

Gemini คืออะไร? ทำไมต้องใช้?

Gemini คือ Large Language Model (LLM) รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Google พัฒนาต่อยอดจาก PaLM 2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ Google พัฒนาขึ้น Gemini มีความสามารถหลากหลาย เช่น การสร้างข้อความ การแปลภาษา การเขียนโค้ด การตอบคำถาม และการสรุปข้อมูล 1 Gemini ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน หรือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ง่ายขึ้น

Prompt คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรต่อการใช้งาน Gemini?

Prompt คือ คำสั่งหรือคำถามที่เราป้อนให้กับ Gemini เพื่อกระตุ้นให้ Gemini สร้างผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ Prompt เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการไขประตูสู่พลังของ Gemini ยิ่งเขียน Prompt ได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งตรงตามความต้องการ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. พื้นฐานการเขียน Prompt บน Gemini

โครงสร้างพื้นฐานของ Prompt ที่ดี

  • ชัดเจน: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และไม่กำกวม 2

  • กระชับ: ใช้คำน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพื่อสื่อสารความหมายให้ครบถ้วน 2

  • เฉพาะเจาะจง: ระบุสิ่งที่ต้องการให้ Gemini ทำอย่างชัดเจน เช่น "เขียนบทความเกี่ยวกับ..." "แปลประโยคนี้เป็นภาษาอังกฤษ" 2

  • มี Context: ให้ข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้ Gemini เข้าใจบริบท และสร้างผลลัพธ์ที่ถูกต้อง 2

ประเภทของ Prompt บน Gemini

Gemini สามารถช่วยเหลือผู้อ่านได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของ Prompt ที่ป้อน ตัวอย่างเช่น 3:

  • Information and reference prompts: ใช้สำหรับขอข้อมูล เช่น "ใครคือประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา?" Output: "โดนัล ทรัมป์"

  • Analytical and operational prompts: ใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล เช่น "สรุปเนื้อหาบทความนี้ให้ฉันฟังหน่อย" Output: (บทสรุปของบทความ)

  • Task prompts: ใช้สำหรับสั่งให้ Gemini ทำงาน เช่น "เขียนจดหมายลาออกให้ฉัน" Output: (ฉบับร่างจดหมายลาออก)

  • Generative prompts: ใช้สำหรับสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น "แต่งนิทานสั้นเกี่ยวกับกระต่ายกับเต่า" Output: (นิทานสั้นเกี่ยวกับกระต่ายกับเต่า)

3. องค์ประกอบสำคัญของ Prompt ที่ดี

การเขียน Prompt ที่มีประสิทธิภาพนั้น มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการที่ควรพิจารณา ได้แก่ 4:

  • Persona: บทบาทหรือมุมมองที่ต้องการให้ Gemini สวม เช่น "ในฐานะนักการตลาด" "ในฐานะครู"

  • Task: ภารกิจหรือสิ่งที่ต้องการให้ Gemini ทำ เช่น "เขียนบทความ" "สรุปเนื้อหา" "แปลภาษา"

  • Context: ข้อมูลเพิ่มเติมหรือบริบทที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้ Gemini เข้าใจและสร้างผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น

  • Format: รูปแบบของผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น "เรียงเป็นรายการ" "เขียนเป็นตาราง" "เขียนเป็นย่อหน้า"

ตัวอย่างเช่น Prompt "ในฐานะผู้จัดการโครงการ ช่วยร่างอีเมลสรุปสำหรับผู้บริหาร โดยอ้างอิงจากเอกสารโครงการนี้ และเขียนเป็นรายการ" ประกอบด้วยองค์ประกอบทั้ง 4 ด้าน ดังนี้:

  • Persona: ผู้จัดการโครงการ

  • Task: ร่างอีเมลสรุป

  • Context: เอกสารโครงการ

  • Format: รายการ

4. เทคนิคการเขียน Prompt ขั้นสูง

การใช้ Keywords ที่เฉพาะเจาะจง

การใช้ Keywords ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราต้องการ จะช่วยให้ Gemini เข้าใจ และสร้างผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น เช่น หากต้องการให้ Gemini เขียนบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราอาจใช้ Keywords เช่น "สถานที่ท่องเที่ยว" "โรงแรม" "ตั๋วเครื่องบิน" "กิจกรรม" 2

การกำหนด Context และ Constraints

การกำหนด Context คือการให้ข้อมูลพื้นฐาน หรือบริบท ที่เกี่ยวข้องกับ Prompt เช่น "สมมติว่าเป็นนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์" "เขียนบทความในมุมมองของนักเรียนมัธยมปลาย" 3

การกำหนด Constraints คือการกำหนดข้อจำกัด หรือเงื่อนไข ในการสร้างผลลัพธ์ เช่น "เขียนบทความไม่เกิน 500 คำ" "ใช้ภาษาที่เป็นทางการ" 3

การเชื่อมโยงข้อมูลจากไฟล์ของคุณ

ผู้อ่านสามารถใช้สัญลักษณ์ "@" เพื่ออ้างอิงถึงเอกสาร Sheets หรือไฟล์อื่นๆ ใน Workspace เมื่อเขียน Prompt เช่นเดียวกับที่ใช้ "@" เพื่อแท็กไฟล์ในแอปพลิเคชันต่างๆ นี่เป็นวิธีที่รวดเร็วและง่ายดายในการให้บริบทเพิ่มเติมแก่ Gemini และเชื่อมโยงข้อมูลที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Workspace 5

ตัวอย่างเช่น สมมติว่ากำลังวางแผนจัดงานนอกสถานที่ และได้รับอีเมลจากสมาชิกในทีมที่ขอข้อมูลโรงแรมเพื่อจองห้องพัก ผู้อ่านสามารถขอให้ Gemini ใน Gmail ค้นหาข้อมูลจาก Google Doc ที่มีรายละเอียดทั้งหมดของงานนอกสถานที่ โดยใช้ Prompt ดังนี้: "ช่วยหาชื่อโรงแรมและอีเมลผู้จัดการฝ่ายขายจาก @แผนงานนอกสถานที่บริษัท 2024" จากนั้นก็สามารถนำข้อมูลที่ Gemini หามาใส่ในอีเมลตอบกลับได้อย่างง่ายดาย

การใช้ Prompts Engineering เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

Prompts Engineering คือ กระบวนการออกแบบ ปรับแต่ง และทดสอบ Prompt เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เทคนิค Prompts Engineering เช่น 3:

  • การใช้ตัวอย่าง: ให้ตัวอย่าง Input และ Output ที่ต้องการ เพื่อให้ Gemini เรียนรู้รูปแบบ

  • การปรับแต่ง Parameter: ปรับแต่งค่า Parameter ต่างๆ ของ Gemini เช่น "temperature" "top_k" เพื่อควบคุมความหลากหลาย และความแม่นยำของผลลัพธ์

5. Gemini vs AI อื่นๆ: เหมือนหรือต่าง?

แม้ว่า LLM ต่างๆ เช่น Gemini และ ChatGPT จะมีหลักการทำงานคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างในการเขียน Prompt ที่เหมาะสมกับแต่ละ AI เช่นกัน 6

ความเหมือน:

  • หลักการพื้นฐาน: การเขียน Prompt ที่ดี ควรมีความชัดเจน กระชับ เฉพาะเจาะจง และมีบริบท เพื่อให้ AI เข้าใจ และสร้างผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ 1

  • การใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ: ควรใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ เหมือนการพูดคุยกับมนุษย์ เพื่อให้ AI เข้าใจ และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเช่นกัน 2

  • การทดลองและปรับแต่ง: ไม่มี Prompt ใดที่สมบูรณ์แบบที่สุด การทดลอง และปรับแต่ง Prompt อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราค้นพบ Prompt ที่เหมาะสมกับงานของเรา และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 4

ความต่าง:

  • ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล: Gemini สามารถเข้าถึงข้อมูล และบริการต่างๆ ของ Google ได้ ในขณะที่ ChatGPT มีข้อจำกัดมากกว่า ดังนั้น การเขียน Prompt สำหรับ Gemini อาจเน้นการเชื่อมโยงข้อมูล และการใช้ประโยชน์จากบริการต่างๆ ของ Google 5

  • รูปแบบการโต้ตอบ: Gemini เน้นการโต้ตอบแบบหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ และเสียง ในขณะที่ ChatGPT เน้นการโต้ตอบด้วยข้อความเป็นหลัก ดังนั้น การเขียน Prompt สำหรับ Gemini อาจต้องคำนึงถึงรูปแบบการโต้ตอบที่หลากหลายมากขึ้น 7

  • จุดแข็ง: Gemini โดดเด่นด้านความแม่นยำ การวิเคราะห์ข้อมูล และการเชื่อมโยงข้อมูล ในขณะที่ ChatGPT โดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ และการเขียน ดังนั้น การเขียน Prompt ควรพิจารณาจุดแข็งของแต่ละ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 6

6. เคล็ดลับพิเศษ: เขียน Prompt อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์สุดล้ำ

การตั้งคำถามที่ชัดเจนและกระชับ

ยิ่งคำถามชัดเจน และกระชับเท่าไหร่ Gemini ก็จะยิ่งเข้าใจ และตอบคำถามได้ตรงประเด็นมากขึ้นเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่กำกวม และพยายามใช้คำให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น 2

การใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ

ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ เหมือนการพูดคุยกับมนุษย์ Gemini สามารถเข้าใจภาษาที่เป็นธรรมชาติได้ดี และจะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเช่นกัน 2

การทดลองและปรับแต่ง Prompt

ไม่มี Prompt ใดที่สมบูรณ์แบบที่สุด การทดลอง และปรับแต่ง Prompt อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราค้นพบ Prompt ที่เหมาะสมกับงานของเรา และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 4 Prompt แรกที่ลองใช้ อาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ต้องการในทันที ดังนั้น อย่าลืมทดลองใช้วิธีต่างๆ ใช้ Prompt ติดตามผล และปรับแต่ง Prompt เริ่มต้น เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จากการศึกษาพบว่า Prompt ที่มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยมีความยาวประมาณ 21 คำ พร้อมบริบทที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ผู้คนมักจะลองใช้ Prompt ที่มีคำน้อยกว่า 9 คำ 1

7. ตัวอย่างการใช้งาน Gemini ในชีวิตประจำวัน

Gemini สามารถช่วยผู้อ่านทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น 1:

  • การเขียน: Gemini สามารถช่วยเขียนอีเมล รายงาน บทความ และเนื้อหาอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

  • การจัดระเบียบข้อมูล: Gemini สามารถช่วยสรุป จัดระเบียบ และวิเคราะห์ข้อมูล จากเอกสาร อีเมล และแหล่งข้อมูลอื่นๆ

  • การสร้างภาพ: Gemini สามารถสร้างภาพต้นฉบับ จากคำอธิบาย

  • การประชุม: Gemini สามารถช่วยจดบันทึก และสรุปประเด็นสำคัญ ในการประชุม

  • การวิจัย: Gemini สามารถช่วยค้นคว้า และเรียนรู้ หัวข้อใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดาย

8. สรุป: ก้าวสู่การเป็น Master ด้านการเขียน Prompt บน Gemini

การเขียน Prompt เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้ใช้งาน Gemini ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์สุดล้ำ การฝึกฝน การทดลอง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผู้อ่านก้าวสู่การเป็น Master ด้านการเขียน Prompt บน Gemini ได้อย่างแน่นอน

เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน Prompt ให้ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้:

  • เขียน Prompt ให้ชัดเจน กระชับ และเฉพาะเจาะจง: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และระบุสิ่งที่ต้องการให้ Gemini ทำอย่างชัดเจน

  • ให้บริบทที่เกี่ยวข้อง: ยิ่งให้ข้อมูล Gemini มากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งตรงตามความต้องการมากขึ้นเท่านั้น

  • ทดลองและปรับแต่ง Prompt: อย่ากลัวที่จะทดลอง Prompt รูปแบบต่างๆ และปรับแต่ง Prompt เดิม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ: Gemini สามารถเข้าใจภาษาที่เป็นธรรมชาติได้ดี ดังนั้น จงเขียน Prompt เหมือนกับที่กำลังพูดคุยกับมนุษย์

  • ศึกษา Prompts Engineering เพิ่มเติม: เรียนรู้เทคนิคขั้นสูง เช่น การใช้ตัวอย่าง และการปรับแต่ง Parameter เพื่อยกระดับทักษะการเขียน Prompt

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเรียนรู้

คำแนะนำสำหรับการพัฒนา Prompt

  • ศึกษา Prompts Engineering เพิ่มเติม 3

  • เข้าร่วม Community ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ เกี่ยวกับ Gemini กับผู้ใช้งานคนอื่นๆ

  • ติดตามข่าวสาร และอัปเดต เกี่ยวกับ Gemini อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเรียนรู้ฟีเจอร์ใหม่ๆ และเทคนิคการใช้งาน ที่ Google พัฒนาขึ้น

หวังว่า Blog นี้ จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้ผู้อ่านเขียน Prompt บน Gemini ได้อย่างมือโปรนะครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

1. A quick-starthandbook for effective prompts - Google https://services.google.com/fh/files/misc/gemini-for-google-workspace-prompting-guide-101.pdf

2. Tips to write prompts for Gemini - Google Workspace Learning Center https://support.google.com/a/users/answer/14200040?hl=en

3. Write better prompts for Gemini for Google Cloud https://cloud.google.com/gemini/docs/discover/write-prompts

4. Writing Effective AI Prompts for Business | Gemini for Workspace https://workspace.google.com/resources/ai/writing-effective-prompts/

5. 5 ways to write better AI prompts for Gemini in the Workspace side panel - The Keyword https://blog.google/products/workspace/google-gemini-workspace-ai-prompt-tips/

6. ChatGPT VS Gemini AI (Ultimate Test for 2025) - AI Tools - God of Prompt https://www.godofprompt.ai/blog/chatgpt-vs-gemini

7. Gemini vs. ChatGPT: What's the difference? [2025] - Zapier https://zapier.com/blog/gemini-vs-chatgpt/


Friday, January 26, 2024

แนะนำใช้ ChatGPT plus เป็นที่ปรึกษาการบริหารโครงการ

ตามที่ผู้เขียนเคยเรียนให้ทราบเกี่ยวกับฟีเจอร์ My GPTs บน ChatGPT plus (ARTHIT's Space: แนะนำ My GPTs สร้าง ChatGPT ในแบบของคุณเอง (arthit-space.blogspot.com)) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถทำการปรับแต่ง ChatGPT (customize) เฉพาะเรื่อง โดยจะทำไว้ใช้ส่วนตัว หรือเปิดใช้สาธารณะก็ได้นั้น ผ่านไปไม่กี่วัน หลังจากฟีเจอร์นี้เปิดตัว ปรากฏ GPTs เฉพาะด้านที่เปิดใช้สาธารณะบน GPTs store จำนวนมาก หลากหลายด้าน ผู้เขียนพบว่ามีที่น่าสนใจใช้งานสำหรับงานประจำของผู้เขียนหลายตัว

ก่อนเริ่มเขียนบทความนี้ ผู้เขียนคิดในใจเล่น ๆ ว่า "จะใช้ AI เป็นที่ปรึกษาการบริหารโครงการได้หรือไม่?" เริ่มต้นจาก ChatGPT plus ที่คุ้นเคยนี่แหละ ลองค้นหา GPTs store ด้วยคำว่า "project management" แสดงผลขึ้นมาราว ๆ 10 รายการ อ่านคำอธิบายแต่ละรายการแล้ว ตัวบนสุดชื่อ "Project Management GPT" ดูน่าสนใจ click เรียกมาทดลองซะเลย


Project Management GPT ระบุไว้ว่าผู้สร้างคือ Christina Kumar พร้อมคำอธิบายคุณลักษณะย่อ ๆ ของ GPTs


ผู้เขียนเริ่มต้นใช้งานโดยเขียน prompt ให้ GPTs แนะนำให้ก่อนเลยว่ามีประเด็นใดจะคุยกันได้บ้าง
คำตอบที่ได้น่าสนใจอย่างมาก GPTs ให้ประเด็นมาครอบคลุมทุกด้านที่เกี่ยวข้อง แถมแนวตั้งคำถามต่อไป รวมถึง Tips ที่น่าสนใจต่อท้ายมาให้ด้วย


ผู้เขียนเดินหน้าหาคำแนะนำต่อไปในประเด็นที่สนใจเกี่ยวกับการประชุมทีมงานโครงการ

คำแนะนำที่ได้ครอบคลุมทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง แถมแนวคำถามต่อเนื่องเพื่อขยายความต่อไป รวมถึง tips น่าสนใจต่อท้าย เหมือนเคย
ถ้าคุณผู้อ่านค่อย ๆ ตั้งคำถามต่อเนื่องไปตามแนวทางที่ผู้เขียนแนะนำข้างต้น ก็จะได้คำอธิบายจาก GPTs ที่ละเอียดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเชิงลึกและเชิงกว้าง ... ถ้าต้องใช้ภาษาไทยก็ไม่เป็นปัญหา เขียน prompt ตามนี้ครับ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางแบบหนึ่งในการใช้ AI Chatbot ในการทำงาน คุณผู้อ่านทดลองใช้ในด้านอื่น ๆ แบบอื่น ๆ ดูนะครับ มีอะไรดี ๆ อย่าลืม share มาให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ตามบ้างจะขอบคุณยิ่ง 👏

Thursday, January 18, 2024

Microsoft เดินหน้า AI Tech เปิดตัวบริการ Copilot Pro

Microsoft ประกาศเปิดตัว Copilot Pro เมื่อ 15 มกราคม 2024​ ที่ผ่านมา ... Copilot Pro เป็นบริการสมัครสมาชิกที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเทคโนโลยี AI ล่าสุดจาก Microsoft และ OpenAI รวมถึงการเข้าถึง Copilot ใน Microsoft 365 และคุณสมบัติใหม่ ๆ อื่น ๆ บริการนี้มีราคา $20 ต่อเดือนต่อผู้ใช้งาน ขณะนี้ให้บริการเฉพาะในสหรัฐ และจะขยายพื้นที่ให้บริการต่อไปในอนาคต รวมถึงขยายการสนับสนุนภาษาอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย

ในส่วนของความแตกต่าง ระหว่าง Copilot Pro กับ Copilot เวอร์ชันฟรี พอจะสรุปได้ดังนี้

  • - การเข้าถึงเทคโนโลยี AI ขั้นสูง: Copilot Pro มีการเข้าถึง GPT-4 และ GPT-4 Turbo ซึ่งมีความเร็วและประสิทธิภาพสูงกว่า ผู้ใช้จะสลับโมเดลไปมาตามต้องการก็ได้ ในขณะที่เวอร์ชันฟรีใช้ได้เฉพาะ GPT-4 และจะถูกจำกัดการใช้งานช่วง peak time
  • - การสร้างภาพ AI ที่ดีกว่า: ให้การสร้างภาพ AI ที่มีคุณภาพสูงกว่าด้วย DALL-E 3 พร้อมจำนวนการใช้งาน (boosts) 100 ครั้งต่อวัน เทียบกับ 15 ครั้งต่อวันในเวอร์ชันฟรี
  • - การทำงานร่วมกับ Microsoft 365: Copilot Pro สามารถใช้งานร่วมกับ Word Excel PowerPoint Outlook และ OneNote ในขณะที่เวอร์ชันฟรีไม่มีคุณสมบัตินี้

Copilot Pro ยังมีคุณลักษณะอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คือ การสร้าง Copilot GPT แบบกำหนดเอง ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง GPTs แบบกำหนดเองได้ เรียกว่า Copilot GPTs เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่ง Copilot ได้ตามหัวข้อเฉพาะ เช่น การออกกำลังกาย, การท่องเที่ยว, การทำอาหาร ฯลฯ​ เหมือนกับฟีเจอร์ My GPTs บน ChatGPT plus นั่นแหละครับ [ ARTHIT's Space: แนะนำ My GPTs สร้าง ChatGPT ในแบบของคุณเอง (arthit-space.blogspot.com) ]

ถึงตอนนี้ คุณผู้อ่านคงมีคำถามในใจแล้วละ ว่า Copilot Pro และ ChatGPT Plus เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เท่าที่ผู้เขียนมีข้อมูลพอจะสรุปประเด็นนี้ได้ดังนี้ครับ

  • - การทำงานร่วมกับ Microsoft 365: Copilot Pro มีคุณสมบัติเด่นในการทำงานร่วมกับ Microsoft 365 เช่น Word Excel Outlook PowerPoint และ OneNote ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน Microsoft 365 เป็นหลักอยู่แล้วอย่างมาก สำหรับผู้ใช้ ChatGPT plus คงต้องหา plugin หรือ GPTs ที่ทำงานกับ Microsoft 365 มาใช้งาน แน่นอนว่าคงกลมกลืนสู้ Copilot Pro ของ Microsoft เองไม่ได้
  • - การสร้างภาพ DALL-E 3: ทั้ง Copilot Pro และ ChatGPT Plus มีคุณสมบัติในการสร้างภาพโดยใช้ DALL-E 3 โดยจำกัดการสร้างภาพไม่เกิน 100 ภาพต่อวัน ตามประสบการณ์ผู้เขียนจำนวนนี้ถือว่าเกินพอ
  • - การเข้าถึงโมเดล GPT-4 และ GPT-4 Turbo: ทั้งสองบริการนี้มอบการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ล่าสุดทั้ง GPT-4 และ GPT-4 Turbo และให้สิทธิพิเศษช่วง peak time ต่างกับเวอร์ชันฟรีของทั้งสองตัวช่วง peak time จะถูกจำกัดการใช้งาน
  • - การสนับสนุนภาษา: ChatGPT plus สนับสนุนมากกว่า 50 ภาษา ในขณะที่ Copilot Pro รองรับภาษาที่น้อยกว่า แต่มีแผนที่จะขยายในอนาคต
สำหรับสายเทค ใช้ AI หนัก ๆ เช่นผู้เขียน ... Copilot Pro เปิดให้ใช้ในไทยเมื่อไหร่ คงต้องประเมินกันแล้วละครับว่าจะเสียเงิน 20$ ต่อเดือน ให้ Microsoft หรือ OpenAI ดี 😂

Most Viewed Last 30 Days