Posts

รูปแบบการซ้อมที่นักวิ่งระยะไกลควรรู้

Image
ผู้เขียนยังจำได้ดีถึงช่วงแรกที่เริ่มวิ่งใหม่ ๆ เมื่อสองสามปีที่แล้ว ตอนนั้นการซ้อมคือการใส่รองเท้าแล้วออกไปวิ่งให้ได้ไกลที่สุด นานที่สุด เท่าที่จะทำได้ ความคิดง่าย ๆ แบบนั้นทำให้เหนื่อยเร็ว บาดเจ็บบ่อย และไม่เห็นพัฒนาการที่ชัดเจนเลย จนกระทั่งผู้เขียนได้รู้จักกับ “รูปแบบการซ้อมวิ่ง” ที่นักวิ่งระยะไกลจริงจังใช้กัน โลกของการวิ่งก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การซ้อมวิ่งไม่ใช่แค่ “ออกไปวิ่ง” แต่คือการผสมผสานรูปแบบต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเฉพาะ เพื่อสร้างทั้งความทนทาน ความเร็ว ความแข็งแรง และการฟื้นตัว บทความนี้ผู้เขียนอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับการซ้อมแต่ละแบบ พร้อมทั้งยกตัวอย่างตารางซ้อมเพื่อเป็นแนวทาง 1. Easy Run – วิ่งเบาสบาย วันไหนที่ผู้เขียนออกวิ่งแบบ Easy Run คือวันที่รู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับร่างกายอย่างใจเย็น ความเร็วไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คือการวิ่งที่ยังสามารถคุยกับเพื่อนได้เป็นประโยคยาว ๆ การวิ่งแบบนี้ช่วยสร้างฐานความฟิตที่มั่นคง และเป็นวันที่ร่างกายได้ฟื้นตัวไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว หลักการ: Easy Run คือการวิ่งในระดับ aerobic zone (Zone 2) ที่หัวใจเต้นช้า–ปานกลาง เหมาะสำหรับสร้างความท...

Chiaroscuro — แสงและเงาที่เล่าเรื่องได้ลึกกว่าคำพูด

Image
                                                 Khon (2017) by Arthit Th. ( https://arthitstudio.com ) Arthit's Space Blog ไม่ได้มีบทความด้านศิลปะมาสักระยะ บทความนี้จึงขอหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนถึงสักหน่อยครับ แนวภาพที่ใช้แสงน้อย ความมืดครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเฟรม เป็นแนวที่ผู้เขียนชื่นชอบมาโดยตลอด ภาพประเภทนี้มีพลังบางอย่างที่ทำให้เราหยุดมองได้นาน แม้จะไม่มีสีสันฉูดฉาดหรือรายละเอียดซับซ้อน เพราะเส้นทางของแสงและเงาที่ปรากฏในเฟรมสามารถกระทบความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ภายในความมืดและความสว่าง ซึ่งนี่คือเสน่ห์ของ Chiaroscuro ศิลปะการใช้แสงและเงาที่ไม่ได้มีเพียงเพื่อความงาม แต่ยังสร้างบรรยากาศ ถ่ายทอดเรื่องราว และดึงอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างทรงพลัง บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จัก Chiaroscuro ให้ลึกขึ้น ตั้งแต่ความหมาย รากเหง้า ไปจนถึงเหตุผลที่มันยังทรงอิทธิพลในวงการศิลปะและการถ่ายภาพจนถึงปัจจุบัน ความหมายและต้นกำเนิด...

ไขรหัส “Context Window” – ทำไมขนาดความจำชั่วคราวของ AI ถึงสำคัญ

Image
ผู้เขียนได้รับคำถามน่าสนใจจากผู้อ่านท่านหนึ่ง ประมาณว่า "context window คืออะไร ช่วยอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ให้หน่อยนะค่ะ" ก็ต้องตอบว่าได้เลยครับ คืออย่างนี้ เวลาคุยกับ AI แล้วรู้สึกว่ามัน “ลืม” สิ่งที่เราพูดไปก่อนหน้า ทั้งที่เพิ่งคุยกันเมื่อครู่ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ความจำสั้นเพราะขี้ลืม แต่มันมี “ขอบเขตความจำชั่วคราว” อยู่ และเจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่า Context Window ถ้าเปรียบง่าย ๆ Context Window ก็คือ สมุดบันทึกที่ AI ใช้จดบทสนทนาล่าสุด แต่สมุดเล่มนี้มีจำนวนหน้าจำกัด ต่อให้เป็น AI รุ่นใหม่สุด ก็ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดนี้ เพียงแต่… หน้าสมุดมันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ตามวิวัฒนาการของแต่ละรุ่น Context Window คืออะไร ในเชิงเทคนิค Context Window คือ จำนวนโทเค็น (token) ที่โมเดล AI สามารถรับเข้ามาและใช้เป็น “บริบท” (context) สำหรับคิดและตอบกลับได้ในการทำงานรอบหนึ่ง โทเค็น (token) คือหน่วยข้อมูลที่เล็กกว่าคำ อาจเป็นแค่พยางค์ ตัวอักษร หรือกลุ่มตัวอักษร ขึ้นกับภาษา เช่น คำว่า “สวัสดีครับ” อาจนับได้ 3–4 โทเค็น และประโยคหนึ่ง ๆ จึงมีโทเค็นมากกว่าจำนวนคำ ทำงานอย่างไร AI จะอ่านข้อมูลที่เรา...

ChatGPT - 5: ก้าวกระโดดของ AI ที่เกินกว่าคำว่า Upgrade

Image
“ในโลกของ AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว GPT - 5 ไม่ใช่แค่รุ่นถัดไป...แต่มันคือแพลตฟอร์มใหม่ของความสามารถเชิงปัญญาที่รวมทุกสิ่งไว้ในตัวเดียว” ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2025 หลายสำนักข่าวเทคโนโลยีทั่วโลกต่างจับตา OpenAI กับการปล่อยโมเดลใหม่ล่าสุด “ ChatGPT - 5 ” ซึ่งว่ากันว่าคือจุดเปลี่ยนสำคัญของ AI ระดับผู้ใช้งานทั่วไปอีกครั้งหนึ่ง ผู้เขียนได้ลองรวบรวมคุณสมบัติเด่น จุดต่างจากรุ่นก่อนหน้า และวิเคราะห์ว่า “GPT - 5 ก้าวกระโดด” คืออะไรกันแน่ เพื่อชวนให้คิดต่อว่า...เทคโนโลยีนี้กำลังจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราไปอีกแบบจริงหรือไม่ GPT‑5: ความอัจฉริยะรวมทุกมิติในตัวเดียว 1. Unified Intelligence: AI ตัวเดียวจบทุกภารกิจ GPT‑5 เป็นโมเดลแรกของ OpenAI ที่รวมความสามารถ reasoning สูงสุด (จากซีรีส์ o3) เข้ากับระบบ multimodal input/output (ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ) ภายในระบบเดียว ไม่ต้องสลับโมเดลไปมา ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพ พูดคุยด้วยเสียง หรือแม้แต่วิเคราะห์วิดีโอ แล้วให้ GPT‑5 ตอบกลับได้แบบเนียนสนิท 2. Reasoning & ความแม่นยำสูงขึ้นหลายระดับ เบื้องหลังของ GPT‑5 คือโครงสร้าง o3-series ซึ่...

บทเรียนจากผลตรวจสุขภาพประจำปี: เมื่อเลือดของผู้เขียนเริ่มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

Image
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งที่ผู้เขียนทำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำตามกิจกรรมประจำปีของบริษัท แต่เพราะผู้เขียนอยากรู้จักร่างกายของตัวเองให้ดีขึ้น และไม่ปล่อยให้สิ่งผิดปกติสะสมอยู่แบบเงียบ ๆ ปีนี้ ผู้เขียนเจอกับประเด็นหนึ่งในผลเลือดที่สะดุดตา: "เลือดข้นเล็กน้อย" อ่านแล้วอาจรู้สึกไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ได้แสดงอาการอะไรเลย แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเรื่องสุขภาพไม่มีคำว่าเล็กน้อย ถ้ามันเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ผู้เขียนจึงเริ่มศึกษาลึกขึ้น และเขียนบทความนี้ไว้ เผื่อใครที่เจอผลเลือดคล้าย ๆ กันจะได้มีข้อมูลประกอบการดูแลตัวเอง ผลเลือดของผู้เขียนที่น่าสนใจในช่วง 3 ปีล่าสุด ปี พ.ศ. RBC (ล้านเซลล์/µL) Hb (g/dL) Hct (%) 2566 4.92 15.4 47.0 2567 5.56 16.5 50.0 2568 6.13 ⚠️ 17.8 ⚠️ 52.6 ⚠️ ค่าทั้งสามตัวนี้บ่งบอกถึงปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกาย รวมถึงความเข้มข้นของฮีโมโกลบินและสัดส่วนเม็ดเลือดในพลาสมา ซึ่งถ้าสูงเกินไปอาจทำให้เลือดหนืดขึ้น ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด สิ่งที่ผู้เขียนพบคือค่าทั้ง RBC, Hb และ Hct ของผู้เขียน ในช่วง 3 ...

ชวนคุยเรื่อง AI กับภารกิจถอดรหัสความรู้จากเอกสารกองโต

Image
  โลกยุคใหม่กับคลื่นข้อมูลมหาศาล ในศตวรรษที่ 21 เรากำลังอยู่ในยุคที่ข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลาและไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นรายงานวิจัย เอกสารราชการ ข้อมูลการประชุม หรือโพสต์โซเชียลมีเดีย ข้อมูลทั้งหมดนี้ล้วนแฝงไว้ด้วย “ความรู้” ที่อาจมีคุณค่า แต่การจะเข้าถึงและเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดนั้นเกินขีดความสามารถของมนุษย์ทั่วไป ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า "เราจะทำอย่างไรให้สามารถแปลงกองเอกสารมหาศาล (ไม่ว่าจะเป็นกองกระดาษเป็นลังๆ หรือไฟล์ดิจิทัลนับพัน) กลายเป็นองค์ความรู้ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง?" คำตอบหนึ่งที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งวงวิชาการและภาคธุรกิจ ก็คือ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI โดยเฉพาะในสาขาการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) AI กับภารกิจถอดรหัสความรู้จากเอกสาร AI ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือช่วยสแกนข้อความ แต่สามารถ 'อ่าน' 'เข้าใจ' และ 'สรุปใจความ' จากข้อความจำนวนมหาศาลได้ในระดับที่มนุษย์อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานที่เห็นได้ชัด เช่น: การสรุปอั...

Gemini: AI ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google แตกต่างกันอย่างไรระหว่าง "ฟรี" กับ "โปร"?

Image
ในยุคดิจิทัลที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างมาก Google ได้นำเสนอ AI ผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Gemini (พัฒนามาจาก Bard) ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันที่ให้ใช้ฟรี และเวอร์ชันที่ต้องสมัครสมาชิกแบบพรีเมียมอย่าง Google AI Pro (หรือ Google One AI Premium และล่าสุดมี Google AI Ultra) ผู้เขียนได้รับคำถามจากท่านหนึ่งว่า “ควรเสียเงินสมัคร Google AI pro หรือไม่ ต่างจากใช้ฟรีอย่างไร” ก็คงตรงกับหลายท่านที่กำลังลังเลว่าจะสมัครหรือไม่สมัครดี บทความนี้ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลมาสรุปให้ทราบว่าสองเวอร์ชันนี้แตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะกับความต้องการของเรา ให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ๆ ตามนี้ครับ Gemini (เวอร์ชันฟรี): ผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับการใช้งานทั่วไป สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ต้องการ AI เพื่อช่วยงานพื้นฐาน Gemini เวอร์ชันฟรีก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ โมเดลที่ใช้: Gemini เวอร์ชันฟรีใช้โมเดล Gemini Pro 1.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงพอสมควรสำหรับการสนทนา การสร้างข้อความ และการตอบคำถามทั่วไป ความสามารถหลัก: ตอบคำถาม: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ทั่วไป ข้อมูลเฉพาะทาง หรือแม้แต่การแปลภาษา สร้างเนื้อหา: ...