Posts

Showing posts with the label Quote

เพราะบางครั้ง “ไม่ใช่” ก็แค่ทางอ้อมของ “ใช่”

Image
ไปอ่านเจอมา ชอบมาก "If you’re rejected, accept. If you feel unloved, let go. If they choose someone or something over you, move on. Remember that, in every NO from someone is a YES to someone better." ข้อความสั้น ๆ นี้ เตือนใจได้อย่างลึกซึ้งครับ เพราะในชีวิตจริง เราทุกคนต่างเคยผ่านช่วงเวลาของการ “เป็นคนที่ไม่ใช่” หรือ “ถูกปฏิเสธ” ไม่ว่าจะเป็นในความรัก มิตรภาพ หรือแม้แต่โอกาสบางอย่างที่เราหวังไว้เต็มหัวใจ แต่บางที...สิ่งที่เราคิดว่า “เสียไป” อาจเป็นสิ่งที่ชีวิตกำลัง “ปกป้องเราไว้” ถ้าใครไม่เลือกเรา — ก็แค่ยอมรับ ถ้าใครไม่เห็นค่าเรา — ก็แค่ปล่อยไป เพราะการฝืนอยู่ในที่ที่เป็นคนไม่ใช่ ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขขึ้นมาเลย ทุกคำว่า “ไม่” ที่เราได้รับ อาจเป็นประตูที่ค่อย ๆ เปิดไปสู่การเป็นคน “ที่ใช่” ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม และบางครั้ง...สิ่งที่ดีจริง ๆ ต้องใช้เวลา ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ “คนไม่ใช่” ทุกท่านครับ ขอให้เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง และเดินต่อไปอย่างสง่างาม เพราะทางอ้อมของ “ไม่ใช่” วันนี้...อาจพาเราไปถึง “ใช่” ที่ดีที่สุดในวันหนึ่งข้างหน้า 

ไม่ได้ใจเย็น แค่ไม่เห็นค่าพอจะร้อนใส่

Image
ไปอ่านเจอมาชอบมาก "I don't carry any hate in my heart; I just move on and forget your existence." บางคนชอบเข้าใจผิดว่าความเงียบคือความพ่ายแพ้ การไม่โต้ตอบคือการยอมจำนน ทั้งที่ความจริงแล้ว… มันคือ “ศิลปะแห่งการวางเฉย” ของคนที่ไม่อยากให้พลังชีวิตของตัวเองต้องสูญเสียไปกับคนที่ไม่คู่ควร ผู้เขียนเคยเห็นหลายคนพยายาม “ชนะ” ด้วยคำพูดแรง ๆ เสียดแทงคนอื่น เพื่อปลอบใจตัวเองว่ามีอำนาจกว่า แต่แท้จริงแล้ว คนที่ต้องพยายามกดคนอื่นให้ต่ำลง มักเป็นคนที่ข้างในรู้สึกเล็กเกินไปที่จะยืนอย่างสง่างามด้วยตัวเอง วลีนี้จึงเหมือนมีดบาง ๆ ที่เฉือนความจริงออกมาให้เห็นชัดว่าคนที่เติบโตทางใจ ไม่จำเป็นต้องเก็บ “ความเกลียด” ไว้เป็นภาระ พวกเขาเพียงแค่เดินต่อไปอย่างสงบนิ่ง ไม่ใส่ใจ คนร้าย ๆ จึงเหมือนพวกไร้ตัวตน เป็นเพียงลมพัดผ่าน เพราะการ “ลืม” การ "ปล่อยผ่าน" เป็นเสมือนการประกาศอย่างเงียบ ๆ ว่า... คุณไม่สำคัญพอที่จะให้ความสำคัญอีกต่อไป และสำหรับพวก toxic ที่ยังคิดว่าการใช้คำพูดแรง ๆ ข่มเห่งคนอื่นได้คืออำนาจ ผู้เขียนขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณคือ “บทเรียน” ที่คนดี ๆ เอาไว้ฝึกใจให้นิ่ง ไม่...

ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งอ่อนโยน

Image
ไปอ่านเจอมาชอบมาก “Strong people don’t put others down... they lift them up.” ประโยคนี้สั้น แต่ทรงพลังครับ เพราะมันเตือนเราว่า “คนแข็งแกร่งจริง” ไม่จำเป็นต้องยกตัวด้วยการกดคนอื่นให้ต่ำลง เพียงเพื่อให้ตัวเองดูสูงกว่า ในชีวิตจริง เรามักพบคนบางประเภทที่รู้สึกภูมิใจเมื่อได้พูดจาเหน็บแนมหรือเหยียดคนอื่น บางคนพูดเล่นแต่แฝงด้วยคำพูดเสียดสี บางคนใช้คำพูดรุนแรง ทำร้ายจิตใจ แล้วแสร้งทำเป็นว่าตรงไปตรงมา แต่แท้จริงแล้ว...นั่นคือความเปราะบางในใจที่พยายามซ่อนอยู่ใต้ความมั่นใจปลอม ๆ ตรงกันข้าม คนที่แข็งแกร่งจริง มักมีหัวใจที่อ่อนโยนและมั่นคงพอจะยกคนอื่นขึ้น เขามองเห็นคุณค่าของผู้อื่น ชื่นชมในความพยายามเล็ก ๆ ของคนรอบข้าง และยินดีเมื่อเห็นคนอื่นก้าวหน้า โลกนี้จะงดงามขึ้นทันที หากเราเลือกใช้คำพูดอย่างอ่อนโยน การสนับสนุนและให้กำลังใจคนที่ล้ม คือการพิสูจน์ “ความสูงส่งของจิตใจ” ได้ดีกว่าการบั่นทอนหรือเหยียบย่ำใคร ผู้เขียนอยากชวนทุกคนมองไปรอบตัว เราไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น เพียงแค่ “ไม่เหยียบใคร” และ “ยกคนอื่นขึ้นได้” เท่านี้...ก็ถือว่าเราแข็งแกร่งจริงแล้วครับ 

รู้น้อยเกินไป พูดมากเกินไป

Image
  “Some possess the rare gift of mistaking verbosity for wisdom.”  — วลีภาษาอังกฤษนี้แปลว่า “บางคนมีพรสวรรค์หายาก ที่เข้าใจผิดว่าการพูดมากคือปัญญา” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยในชีวิตจริง บางคนเข้าใจผิดอย่างมั่นใจ ว่าการพูดเยอะคือความฉลาด ทั้งที่จริงแล้วกลับเป็นการพรางตาความว่างเปล่าภายใน เราทุกคนล้วนเคยมีประสบการณ์กับ “พวกพูดมาก” ในที่ประชุม ห้องสัมมนา หรือแม้กระทั่งในวงสนทนาธรรมดา ที่พยายามจะพูดให้ดูใหญ่โตเยอะแยะ แต่กลับจับใจความไม่ได้ คนที่พูดได้ต่อเนื่อง น้ำไหลไฟดับ มีศัพท์เทคนิคเต็มปากเต็มคำ แต่เมื่อฟังจนจบ เหมือนผ่านพายุคำพูดไปทั้งลูก โดยไม่เหลือสาระอะไรให้เก็บกลับมา ที่น่าอึดอัดยิ่งกว่านั้นคือ คนประเภทนี้มักจะชอบ พูดทับ   พูดต่อ หรือ แทรกแซง สิ่งที่คนอื่นเพิ่งพูดไว้ ทั้งที่ตนเองยังไม่เข้าใจประเด็นอย่างแท้จริง พวกเขามักเสริมความเห็นด้วยน้ำเสียงแบบคนรู้ดี ทั้งที่เนื้อหาที่เอ่ยออกมากลับกลวงโบ๋ ราวกับพยายามยึดพื้นที่ของการสนทนาด้วยความอวดรู้ มากกว่าการแบ่งปันความเข้าใจที่แท้จริง คนพวกนี้มักเชื่อว่า ถ้าพูดให้ซับซ้อนพอ ถ้าใช้คำพูดยาวพอ ถ้าพูดนานพอ...

เป็นตัวของตัวเอง…แล้วคนที่เห็นค่าจะเข้ามาเอง

Image
ไปอ่านเจอมาชอบมาก "You will never be good enough for everybody, but you will always be the best for someone who really appreciates you." บางครั้งแค่ประโยคหนึ่ง ก็สามารถปลุกใจให้เราหยุดวิ่งตามความคาดหวังของคนทั้งโลก แล้วหันกลับมามองตัวเองด้วยสายตาใหม่ ผู้เขียนไปเจอประโยคนี้ระหว่างเลื่อนดูหน้าฟีดเฟสบุ๊คในวันหนึ่งที่รู้สึกเหนื่อยล้า มันสะกิดใจทันที เพราะมันตรงกับความรู้สึกลึก ๆ ที่เราอาจไม่ค่อยได้ยอมรับ ว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ทุกคนพอใจ และนั่นไม่ใช่ความผิดของเราเลย เราไม่จำเป็นต้อง "ดีพอ" สำหรับทุกคน โลกใบนี้เต็มไปด้วยมุมมอง ความคาดหวัง และมาตรฐานนับไม่ถ้วนที่ผู้คนใช้ตัดสินกัน เราอาจพยายามอย่างหนักเพื่อให้ใครบางคนยอมรับ แต่สุดท้ายกลับพบว่า ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็ยัง "ไม่พอ" ความจริงก็คือ... เราไม่สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นด้วย แต่เราจะดีที่สุด...สำหรับใครบางคน ประโยคที่ว่า “you will always be the best for someone who really appreciates you” เตือนใจเราให้กลับมามองหาคนที่เห็นคุณค่าในตัวเราจริง ๆ ไม่ใช่คนที่มองหาข้อบกพร่อง หรื...

ชีวิตมันสั้น อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ควร

Image
  ไปอ่านเจอมาชอบมาก 4 Things to remember in your life If you're right, don't waste time proving it to everyone. If you're wrong, don't waste time pretending to be right. If you need help, don't waste time to ask for it. Always remember life is too short, therefore do not on sadness. บางครั้ง คำง่าย ๆ เหล่านี้แหละ…ที่ทำให้เราหยุดคิด ผู้เขียนเลยอยากขออนุญาตนำมาแปลและขยายความ ตามความเข้าใจส่วนตัว หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งบทความสั้น ๆ ที่ช่วยเตือนใจใครบางคนในวันที่หัวใจอ่อนล้า 1. ถ้าคุณมั่นใจว่าตัวเองถูก...ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพิสูจน์ให้ใครเห็น If you're right, don't waste time proving it to everyone. ในวันที่เรารู้ว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูก สิ่งที่ดี สิ่งที่ตั้งใจ บางครั้งกลับเจอกับคำดูแคลน หรือสายตาไม่เข้าใจจากคนรอบข้าง เราจึงเผลอเอาเวลาในชีวิตไปหมดกับการ “อธิบาย” และ “พิสูจน์ตัวเอง” จนเหนื่อย แต่สุดท้ายแล้ว...บางคนเขาก็ไม่อยากเข้าใจหรอก บางคนแค่ต้องการ “ชนะ” บนพื้นที่ความเห็นต่าง ถ้าหัวใจเรารู้ดีว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องเสียง...

เงียบอย่างเข้าใจ ห่างอย่างมีศักดิ์ศรี

Image
ไปอ่านเจอมา ชอบมาก "Somebody is mad at you right now because you picked peace over drama and distance over disrespect." "บางคนอาจโกรธคุณอยู่ตอนนี้ เพราะคุณเลือกความสงบแทนความวุ่นวาย และถอยห่างจากความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการดูแคลน" ผู้เขียนเจอข้อความนี้โดยบังเอิญใน IG อ่านแล้วรู้สึกโดนใจอย่างประหลาด ราวกับมีใครมาแอบอ่านใจ และกลั่นกรองความรู้สึกที่อธิบายออกมาได้ยากให้กลายเป็นถ้อยคำง่าย ๆ ที่ชัดเจนและตรงใจ ในชีวิตของเราทุกคน ย่อมต้องเผชิญกับความสัมพันธ์ที่หลากหลาย บางครั้งก็เปี่ยมด้วยพลัง บางครั้งก็เต็มไปด้วยความเครียดและความไม่สบายใจ ผู้เขียนเคยเข้าใจผิดว่า “การรักษาความสัมพันธ์” คือสิ่งที่ต้องทำทุกวิถีทาง แม้ต้องยอมลดคุณค่าของตัวเองก็ตาม จนได้เรียนรู้ว่า “ความสงบในใจของเรา สำคัญกว่าความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย” การเลือก peace over drama จึงไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นการเลือกเส้นทางที่พาตัวเองออกจากความเครียดซ้ำซาก และให้พื้นที่แก่ใจได้พักหายใจอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับการเลือก distance over disrespect มันไม่ใช่ความเย็นชาหรือไร้หัวใจ แต่คือการวางขอบเขตที่ชัดเจ...

โลกไม่ได้หมุนรอบเรา...และเราก็ไม่ต้องหมุนตามใคร

Image
ไปอ่านเจอมา ชอบมาก The older I get, the less I feel the need to be included, understood or accepted. เมื่อเราอายุมากขึ้น หลายคนอาจคิดว่าชีวิตควรจะมั่นคง มีตำแหน่งการงานที่ชัดเจน ครอบครัวอบอุ่น และรายล้อมด้วยผู้คนที่เข้าใจเรา แต่ความจริงที่ค่อย ๆ เปิดเผยตัวออกมากลับเรียบง่ายกว่านั้นมาก… คือการยอมรับว่า “เราไม่จำเป็นต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคน” ประโยคที่ว่า “The older I get, the less I feel the need to be included, understood or accepted.” ไม่ได้แปลว่าเราโดดเดี่ยว หรือปิดกั้นตัวเองจากสังคม แต่มันสะท้อนถึงการเติบโตทางจิตใจที่ค่อย ๆ คลี่คลายพันธนาการจากความคาดหวังของคนรอบข้าง สุขภาพจิตดี ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นที่รักของทุกคน ในวัยหนุ่มสาว เราอาจห่วงว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา พยายามปรับตัวเพื่อให้ “กลมกลืน” เข้ากับวงสนทนา สังคม หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ที่สื่อสังคมออนไลน์อยากให้เราเป็น แต่เมื่อเวลาผ่านไป... เราเริ่ม กล้าพอที่จะเงียบเมื่อไม่จำเป็นต้องพูด กล้าที่จะจากมาเมื่อไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และ กล้าที่จะยืนเดี่ยว ๆ โดยไม่รู้สึกว่า “ขาดอะไร” …สุขภาพจิตของเราก็เริ่มแข็งแรงขึ้นโด...

The Art of Being Wise: ศิลปะแห่งความฉลาด คือการ “รู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อย”

Image
  ไปอ่านเจอมา ... ชอบมาก "The art of being wise is knowing WHO to ignore, WHAT to overlook, WHERE to leave things, WHEN to move on, and WHY it’s all necessary." — ปรัชญาชีวิตที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง สำหรับผู้เขียนมีทัศนคติต่อข้อความนี้ แบบนี้ ครับ 🧠 ความฉลาด…ไม่ใช่การรู้ทุกเรื่อง ในยุคที่ข้อมูลไหลบ่า ความเห็นหลากหลาย และทุกคนพูดเสียงดัง คนที่ “ฉลาดจริง” ไม่ใช่คนที่รู้มากที่สุด หรือโต้ตอบเก่งที่สุด แต่คือคนที่ รู้จักเลือกว่าจะรับ อะไรไว้ และปล่อย อะไรไป 1. WHO to ignore – ใครที่ควรมองข้าม ไม่ใช่ทุกคนที่คู่ควรกับความใส่ใจของเรา คนที่พูดแต่เรื่องลบ คนที่เอาแต่ตัดสิน คนที่ดูดพลังชีวิต ศิลปะของความฉลาดคือรู้ว่า...เรามีสิทธิไม่ฟัง 2. WHAT to overlook – เรื่องไหนควรปล่อยผ่าน เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้ทุกประโยค ไม่ต้องเก็บทุกคำพูดมาใส่ใจ การมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่สำคัญ ช่วยให้ใจเราสงบกว่าเดิม เรื่องบางเรื่อง...ไม่พูดถึงดีกว่า 3. WHERE to leave things – วางบางเรื่องไว้ตรงนั้น บางความขัดแย้งควรจบตรงที่มันเริ่ม บางความทรงจำควรปล่อยให้เป็นอดีต การแบกเรื่องที...