Posts

Showing posts from 2025

ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งอ่อนโยน

Image
ไปอ่านเจอมาชอบมาก “Strong people don’t put others down... they lift them up.” ประโยคนี้สั้น แต่ทรงพลังครับ เพราะมันเตือนเราว่า “คนแข็งแกร่งจริง” ไม่จำเป็นต้องยกตัวด้วยการกดคนอื่นให้ต่ำลง เพียงเพื่อให้ตัวเองดูสูงกว่า ในชีวิตจริง เรามักพบคนบางประเภทที่รู้สึกภูมิใจเมื่อได้พูดจาเหน็บแนมหรือเหยียดคนอื่น บางคนพูดเล่นแต่แฝงด้วยคำพูดเสียดสี บางคนใช้คำพูดรุนแรง ทำร้ายจิตใจ แล้วแสร้งทำเป็นว่าตรงไปตรงมา แต่แท้จริงแล้ว...นั่นคือความเปราะบางในใจที่พยายามซ่อนอยู่ใต้ความมั่นใจปลอม ๆ ตรงกันข้าม คนที่แข็งแกร่งจริง มักมีหัวใจที่อ่อนโยนและมั่นคงพอจะยกคนอื่นขึ้น เขามองเห็นคุณค่าของผู้อื่น ชื่นชมในความพยายามเล็ก ๆ ของคนรอบข้าง และยินดีเมื่อเห็นคนอื่นก้าวหน้า โลกนี้จะงดงามขึ้นทันที หากเราเลือกใช้คำพูดอย่างอ่อนโยน การสนับสนุนและให้กำลังใจคนที่ล้ม คือการพิสูจน์ “ความสูงส่งของจิตใจ” ได้ดีกว่าการบั่นทอนหรือเหยียบย่ำใคร ผู้เขียนอยากชวนทุกคนมองไปรอบตัว เราไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น เพียงแค่ “ไม่เหยียบใคร” และ “ยกคนอื่นขึ้นได้” เท่านี้...ก็ถือว่าเราแข็งแกร่งจริงแล้วครับ 

Branch in New Chat: แตกแขนงความคิดใหม่โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์

Image
ช่วงนี้ผู้เขียนลองเล่นกับฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT แล้วรู้สึกว่า มันเปลี่ยนวิธีทำงานไปไม่น้อยเลยครับ ฟีเจอร์นี้ชื่อว่า “Branch in New Chat”  เป็นเครื่องมือเล็ก ๆ แต่มีพลังมากในการเปิดโอกาสให้ “ความคิดเก่า” เติบโตเป็น “แนวคิดใหม่” ได้ โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์อีกต่อไป ในยุคที่เราทำงานกับ AI แทบทุกวัน การมีฟังก์ชันที่ช่วยให้เราต่อยอดความคิดเดิมได้ง่ายขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและพลังใจ โดยเฉพาะกับคนที่ชอบทดลองแนวทางหลายแบบอย่างผู้เขียน ฟีเจอร์นี้คืออะไร Branch in New Chat คือการแยกเส้นทางบทสนทนาใหม่ออกจากจุดใดจุดหนึ่งในแชตเดิม เหมือนต้นไม้ที่แตกกิ่งออกจากลำต้นเดิม แต่ยังคงเชื่อมโยงกับรากที่หล่อเลี้ยงมันอยู่เสมอ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้ตั้งแต่ 4 กันยายน 2025 (ระบุใน ChatGPT Release Notes ของ OpenAI) และตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักของ ChatGPT แล้ว เมื่อคลิก “⋯” (More Actions) ที่อยู่ด้านล่างคำตอบจาก ChatGPT แล้วเลือก Branch in New Chat ระบบจะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมา พร้อมคัดบริบทก่อนหน้าให้ครบทั้งหมด เราจึงสามารถเริ่มแนวทางใหม่ต่อจากตรงนั้นได้ทันที ไม่ต้องก็อปข...

Recovery Run การวิ่งเพื่อฟื้นตัวที่นักวิ่งไม่ควรมองข้าม

Image
ในโลกของการฝึกซ้อม หลายคนมักให้ความสำคัญกับ “วันหนัก” อย่างการซ้อม Interval, Tempo หรือ Long Run เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพัฒนาอย่างเห็นผล แต่ในความเป็นจริงแล้ว “วันที่เราฟื้นตัว” ต่างหาก...คือวันที่ร่างกายสร้างความแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้การฟื้นตัวมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ “Recovery Run” – การวิ่งเพื่อพักฟื้นร่างกายโดยเฉพาะ Recovery Run คืออะไร? Recovery Run คือการ “วิ่งเบา” ที่มีความเข้มข้นต่ำมาก จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อพัฒนาความเร็วหรือเพิ่มความอึด แต่เพื่อ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการฝึกหนักในวันก่อนหน้า มันคือการขยับร่างกายในจังหวะสบาย ๆ ให้หัวใจเต้นเพียง 60–70% ของอัตราการเต้นสูงสุด (HRmax) และให้กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนมากขึ้น เพื่อเร่งกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ลดของเสียอย่างกรดแลกติก และทำให้กล้ามเนื้อ “หายล้า” ได้เร็วขึ้น ลักษณะของการวิ่งแบบ Recovery รายการ คำอธิบาย จุดประสงค์หลัก กระตุ้นการฟื้นฟู ไม่ใช่การฝึกเพิ่มสมรรถนะ ความเร็ว (Pace) ช้ากว่า Easy Run ประมาณ 30–60 วินาทีต่อกิโลเมตร อัตราการเต้นหัวใจ (HR) อยู่ในโซน 1...

Endurance Score: ค่าความอึดฉบับ Smart Watch และอนาคตของการฝึกซ้อม

Image
Smart Watch วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา หรืออุปกรณ์แจ้งเตือนข้อความอีกต่อไปครับ มันได้พัฒนามาเป็นเหมือน “โค้ชส่วนตัว” ที่คอยประจำอยู่บนข้อมือของเรา ช่วยให้เข้าใจร่างกาย และมองเห็นประสิทธิภาพการออกกำลังกายอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน จากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการนับก้าว วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค Data-Driven Training ที่ทุกอย่างอิงจากข้อมูลเชิงลึก หนึ่งในฟีเจอร์ที่กำลังเปลี่ยนแนวทางการฝึกซ้อมสาย Endurance โดยตรงก็คือ Endurance Score ของ Garmin ครับ ทำความเข้าใจ "Endurance Score": ค่าความอึดที่จับต้องได้ Endurance Score เป็นฟีเจอร์ที่อยู่ใน Smart Watch ยี่ห้อ Garmin ที่สร้างขึ้นเพื่อประเมินความสามารถของเราในการทนทานต่อการออกกำลังกายที่ใช้เวลานาน และมีความเข้มข้นตั้งแต่ต่ำไปจนถึงปานกลาง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยานทางไกล หรือปีนเขา การคำนวณคะแนนนี้อ้างอิงจาก 2 ปัจจัยหลัก: ภาพรวมฟิตเนส (Fitness Level): ใช้ค่า VO₂ Max เป็นตัววัดประสิทธิภาพของร่างกายในการใช้ออกซิเจน ประวัติการฝึกซ้อม (Training History): วิเคราะห์ข้อมูลกิจกรรมที่บันทึกไว...

สไตล์ภาพแนว Realistic และการเขียน Prompt สำหรับ Nano Banana

Image
เวลาที่ผู้เขียนได้ลองเล่นกับการสร้างภาพแนว Realistic ใน Nano Banana สิ่งที่น่าสนใจคือผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเหมือนกันเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกคำใน Prompt อย่างไร ใส่แสงแบบไหน ระบุรายละเอียดมากน้อยเพียงใด แต่ละครั้งก็จะได้อารมณ์ของความ “สมจริง” ที่ต่างกันออกไป ประสบการณ์ลองปรับ Prompt ครั้งแรก ผู้เขียนลองใช้คำง่าย ๆ ว่า “ภาพเหมือนจริง ผู้หญิงผมยาวยืนริมหน้าต่าง แสงธรรมชาติยามเช้า” ภาพที่ได้ออกมาค่อนข้างใกล้เคียงภาพถ่ายทั่วไป รายละเอียดชัดพอสมควร แต่ยังดูเรียบง่าย จากนั้นจึงเพิ่มคำว่า photorealistic และ รายละเอียดสมจริงแบบภาพถ่ายระดับสูง ผลลัพธ์เปลี่ยนทันที เห็นความต่างของผิว ริ้วรอย และการสะท้อนของแสงละเอียดขึ้นมาก รู้สึกเหมือนเป็นภาพจากกล้องถ่ายภาพจริง ๆ ตัวอย่าง Prompt ไทย: ภาพเหมือนจริง ผู้หญิงไทยผมยาวยืนริมหน้าต่าง แสงธรรมชาติยามเช้า รายละเอียดสมจริงแบบภาพถ่ายจากล้องถ่ายภาพจริงๆ อังกฤษ: realistic portrait of a Thai woman with long hair standing by the window, natural morning light, photorealistic details เปลี่ยนมุมกล้องก็เปลี่ยนความรู้สึก อีกครั้งหนึ่ง ผู้เขียนลองเ...

แรงบันดาลใจ…อยู่ตรงนอก Comfort Zone

Image
  "ความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม มักไม่ได้มาจากที่ที่เราคุ้นเคยครับ บางครั้งมันซ่อนอยู่ใน 'ความไม่คุ้นเคย' ที่เรากล้าจะออกไปสำรวจ" ในฐานะนักสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การเขียน หรือการทำอะไรก็ตาม เราทุกคนต่างก็มี 'พื้นที่สบายใจ' หรือแนวทางที่เราถนัดกันอยู่แล้วครับ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นก็มีคุณค่า เพราะมันทำให้เราสามารถพัฒนาฝีมือได้ต่อเนื่องและมั่นใจในผลงานของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน ความสบายใจที่มากเกินไปก็มักจะสร้าง "กรอบ" ที่มองไม่เห็น เป็นกำแพงบางๆ ที่ทำให้เราเผลอเดินซ้ำรอยเดิม จนพลาดโอกาสที่จะได้เจอสิ่งใหม่ ๆ ลองนึกถึงเวลาที่เราออกไปเจอสถานที่แปลกตา หรือพูดคุยกับใครบางคนที่มีมุมมองไม่เหมือนเรา บ่อยครั้งประสบการณ์เหล่านั้นจะกลายเป็นจุดประกายเล็ก ๆ ที่ทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไปทั้งหมด ภาพถ่ายธรรมดาอาจกลับมามีชีวิตชีวา บทความที่เขียนอาจได้แง่มุมสดใหม่ หรือแม้แต่การแก้ปัญหาที่เคยคิดว่าตัน ก็ดูเหมือนจะมีทางออกขึ้นมาเฉย ๆ เพียงเพราะเราเปิดใจยอมรับ "ความไม่คุ้นเคย" ผู้เขียนเคยลองออกไปถ่ายภาพนอกสตูดิโอ จากที่เคยคุ้นชินกับการถ่ายนางแบบสาวสวย...

ให้ด้วยใจ เชื่อด้วยปัญญา

Image
ไปอ่านเจอมาชอบมากครับ “Give, but don’t allow yourself to be used. Trust, but don’t be naive.” ประโยคสั้น ๆ นี้เป็นเหมือนกระจกสะท้อนความจริงของชีวิตที่หลายคนมักมองข้าม การให้และการเชื่อใจถือเป็นคุณธรรมที่งดงาม แต่ถ้าขาดสติและขอบเขต มันอาจกลายเป็นบาดแผลที่ย้อนมาทำร้ายเราเองได้ การ “ให้” คือการมอบสิ่งที่มีคุณค่าทั้งในรูปของเวลา พลังงาน หรือความช่วยเหลือให้ผู้อื่น แต่หากให้จนลืมดูแลตนเอง หรือปล่อยให้ผู้อื่นฉวยโอกาส ก็เท่ากับเราไม่ได้ให้ด้วยความสมัครใจอีกต่อไป แต่เป็นการถูกใช้ประโยชน์ ดังนั้นการให้ที่แท้จริงจึงควรมาพร้อมกับเส้นแบ่งที่ชัดเจนว่า ตรงไหนคือความเมตตา และตรงไหนคือการละเมิดคุณค่าของเรา ลองนึกถึงสถานการณ์ในที่ทำงาน บางครั้งเราเต็มใจช่วยเพื่อนร่วมงาน แต่หากมีคนหนึ่งคนที่ขอให้เราทำแทนตลอดโดยไม่พยายามทำเองเลย นั่นไม่ใช่การให้ที่เกิดจากความร่วมมือ แต่เป็นการถูกเอาเปรียบ การรู้จักบอกปฏิเสธด้วยเหตุผลชัดเจนก็เป็นการปกป้องตัวเองโดยไม่ลดคุณค่าของการช่วยเหลือคนอื่นลง ในอีกด้านหนึ่ง การ “เชื่อใจ” คือรากฐานของความสัมพันธ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความรัก หรือการทำงานร่วมกัน แต่การเชื่ออย่างไ...

Cinematic Tone ในงานภาพถ่าย

Image
ผู้เขียนรู้จักและคุ้นเคยกับคำว่า Cinematic Tone มาตั้งแต่สมัยเริ่มต้นฝึกถ่ายภาพใหม่ ๆ ราวสิบกว่าปีที่แล้ว ในตอนนั้นคำ ๆ นี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก จนกระทั่งก่อนสถานการณ์โควิดไม่นาน กระแสการสร้างภาพในโทนนี้เริ่มแพร่หลายไปในวงการถ่ายภาพและโซเชียลมีเดีย หลายคนมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งสีในขั้นตอน post process โดยเฉพาะการเลือกใช้คู่สีที่ตัดกันชัดเจนเพื่อให้ภาพดู “เหมือนหนัง” แต่แท้จริงแล้ว Cinematic Tone ไม่ได้หมายถึงเพียงการจัดการสีเท่านั้น หากแต่เป็นการสร้างบรรยากาศ อารมณ์ และน้ำหนักทางการเล่าเรื่องที่ทำให้ภาพถ่ายสามารถพาผู้ชมดำดิ่งไปสู่ประสบการณ์ราวกับกำลังนั่งอยู่ในฉากภาพยนตร์ Cinematic Tone คืออะไร? หลายคนอาจคิดว่ามันคือแค่เรื่องของ “โทนสี” แต่จริง ๆ แล้ว Cinematic Tone คือการทำให้ภาพถ่ายดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังหนึ่งเรื่อง มันผสมผสานทั้งแสง สี องค์ประกอบ และบรรยากาศ เพื่อทำให้ภาพมีพลังบางอย่างที่เรียกว่า อารมณ์ภาพ ที่จะสะกดสายตาผู้ชมได้ยาวนาน ภาพถ่ายธรรมดาอาจถ่ายทอดเพียงสิ่งที่สายตาเก็บได้ เป็นการบันทึกความจริงที่ปรากฏตรงหน้า แต่เมื่อเราพูดถึงภาพที่มี Cinematic Tone มันจะก้าวไปไกลก...

ศิลปะแห่ง Prompt: จากหลุมพรางสู่อนาคตการสื่อสารกับ AI

Image
เวลาที่เราพิมพ์สั่งงานกับ ChatGPT หลายคนคงเคยเจอประสบการณ์คล้าย ๆ กัน คือผลลัพธ์ที่ได้ไม่ตรงกับความคาดหวัง บางครั้งก็ยาวเกินไป สั้นเกินไป หรือไม่เข้าใจเจตนาของเราเลย ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ว่า AI ไม่เก่งพอ แต่จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นมาจาก “Prompt” หรือคำสั่งที่เราพิมพ์ลงไปต่างหาก Prompt จึงเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างความคิดของมนุษย์กับพลังการประมวลผลของ AI หากสะพานนี้ไม่แข็งแรงหรือมีช่องโหว่ คำตอบที่ส่งกลับมาก็จะเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่เราต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจทั้งข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยง และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะทั้งสองเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งแยกขาดจากกัน แต่เป็นเส้นทางเดียวกันที่ต่อเนื่องอย่างกลมกลืน เมื่อเรารู้ว่าปัจจุบันยังสะดุดตรงไหน ก็จะมองเห็นได้ชัดขึ้นว่าอนาคตควรเดินไปทางใด หลุมพรางของ Prompt ที่ควรเรียนรู้ แม้ AI จะฉลาดล้ำสมัยแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นผู้ช่วยที่รอรับคำสั่ง หากเราอธิบายไม่ชัดเจน ก็เหมือนกับการบอกทางแบบกำกวมให้เพื่อนไปซื้อของ สุดท้ายของที่ได้มาก็ไม่ตรงกับที่เราต้องการเลย ความจริงการเขียน Prompt มีหลุมพรางหลายอย่...

ขับเคลื่อนด้วยคำตอบจาก AI แต่กำหนดทิศทางด้วยคำถามของเราเอง

Image
ในยุคที่ AI ก้าวล้ำจนทำให้เราต้องทึ่งกับความสามารถของมัน หลายคนอาจเผลอเชื่อว่าปัญญาที่แท้จริงถูกซ่อนอยู่ในบรรดาโค้ดนับล้านบรรทัดหรือในชิปประมวลผลที่ซับซ้อน ทว่า AI ไม่ได้คิดค้นคำตอบขึ้นมาเอง หากเพียงนำข้อมูลมหาศาลที่มีอยู่แล้วมาจัดระเบียบ ประมวลผล และกลั่นกรองให้ดูเป็นระเบียบสวยงามยิ่งขึ้น ผลลัพธ์จึงอาจชวนให้เรารู้สึกว่าเป็น “คำตอบอัจฉริยะ” ที่แท้จริงแล้วคือการสะท้อนความรู้ที่เคยมีมาก่อน เพียงแต่นำเสนอในรูปแบบที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าที่มนุษย์จะทำได้ด้วยตนเอง การสร้างสรรค์ไม่ได้ถือกำเนิดจากคำตอบที่ดูสมบูรณ์แบบ หากแต่เริ่มต้นจาก “คำถาม” ที่เฉียบคม คำถามที่กล้าท้าทายสิ่งที่มีอยู่เดิม คำถามที่หาญกล้าเปิดประตูไปสู่มุมมองที่แตกต่าง และคำถามที่บางครั้งอาจดูย้อนแย้งแต่กลับสร้างแรงกระเพื่อมทางความคิด เมื่อคำถามเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมา พวกมันจะทำหน้าที่เหมือนคบเพลิง จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้ลุกโชนและนำเราไปสู่เส้นทางใหม่ที่ไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน การเป็นวิศวกรสอนให้เราตั้งคำถามกับปัญหาที่เกิดขึ้น การเป็นผู้บริหารสอนให้เราตั้งคำถามกับทิศทางการพัฒนา การเป็นนักถ่ายภาพสอนให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อ...

รูปแบบการซ้อมที่นักวิ่งระยะไกลควรรู้

Image
ผู้เขียนยังจำได้ดีถึงช่วงแรกที่เริ่มวิ่งใหม่ ๆ เมื่อสองสามปีที่แล้ว ตอนนั้นการซ้อมคือการใส่รองเท้าแล้วออกไปวิ่งให้ได้ไกลที่สุด นานที่สุด เท่าที่จะทำได้ ความคิดง่าย ๆ แบบนั้นทำให้เหนื่อยเร็ว บาดเจ็บบ่อย และไม่เห็นพัฒนาการที่ชัดเจนเลย จนกระทั่งผู้เขียนได้รู้จักกับ “รูปแบบการซ้อมวิ่ง” ที่นักวิ่งระยะไกลจริงจังใช้กัน โลกของการวิ่งก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การซ้อมวิ่งไม่ใช่แค่ “ออกไปวิ่ง” แต่คือการผสมผสานรูปแบบต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเฉพาะ เพื่อสร้างทั้งความทนทาน ความเร็ว ความแข็งแรง และการฟื้นตัว บทความนี้ผู้เขียนอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับการซ้อมแต่ละแบบ พร้อมทั้งยกตัวอย่างตารางซ้อมเพื่อเป็นแนวทาง 1. Easy Run – วิ่งเบาสบาย วันไหนที่ผู้เขียนออกวิ่งแบบ Easy Run คือวันที่รู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับร่างกายอย่างใจเย็น ความเร็วไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คือการวิ่งที่ยังสามารถคุยกับเพื่อนได้เป็นประโยคยาว ๆ การวิ่งแบบนี้ช่วยสร้างฐานความฟิตที่มั่นคง และเป็นวันที่ร่างกายได้ฟื้นตัวไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว หลักการ: Easy Run คือการวิ่งในระดับ aerobic zone (Zone 2) ที่หัวใจเต้นช้า–ปานกลาง เหมาะสำหรับสร้างความท...

Chiaroscuro — แสงและเงาที่เล่าเรื่องได้ลึกกว่าคำพูด

Image
                                                 Khon (2017) by Arthit Th. ( https://arthitstudio.com ) Arthit's Space Blog ไม่ได้มีบทความด้านศิลปะมาสักระยะ บทความนี้จึงขอหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนถึงสักหน่อยครับ แนวภาพที่ใช้แสงน้อย ความมืดครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเฟรม เป็นแนวที่ผู้เขียนชื่นชอบมาโดยตลอด ภาพประเภทนี้มีพลังบางอย่างที่ทำให้เราหยุดมองได้นาน แม้จะไม่มีสีสันฉูดฉาดหรือรายละเอียดซับซ้อน เพราะเส้นทางของแสงและเงาที่ปรากฏในเฟรมสามารถกระทบความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ภายในความมืดและความสว่าง ซึ่งนี่คือเสน่ห์ของ Chiaroscuro ศิลปะการใช้แสงและเงาที่ไม่ได้มีเพียงเพื่อความงาม แต่ยังสร้างบรรยากาศ ถ่ายทอดเรื่องราว และดึงอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างทรงพลัง บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จัก Chiaroscuro ให้ลึกขึ้น ตั้งแต่ความหมาย รากเหง้า ไปจนถึงเหตุผลที่มันยังทรงอิทธิพลในวงการศิลปะและการถ่ายภาพจนถึงปัจจุบัน ความหมายและต้นกำเนิด...

ไขรหัส “Context Window” – ทำไมขนาดความจำชั่วคราวของ AI ถึงสำคัญ

Image
ผู้เขียนได้รับคำถามน่าสนใจจากผู้อ่านท่านหนึ่ง ประมาณว่า "context window คืออะไร ช่วยอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ให้หน่อยนะค่ะ" ก็ต้องตอบว่าได้เลยครับ คืออย่างนี้ เวลาคุยกับ AI แล้วรู้สึกว่ามัน “ลืม” สิ่งที่เราพูดไปก่อนหน้า ทั้งที่เพิ่งคุยกันเมื่อครู่ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ความจำสั้นเพราะขี้ลืม แต่มันมี “ขอบเขตความจำชั่วคราว” อยู่ และเจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่า Context Window ถ้าเปรียบง่าย ๆ Context Window ก็คือ สมุดบันทึกที่ AI ใช้จดบทสนทนาล่าสุด แต่สมุดเล่มนี้มีจำนวนหน้าจำกัด ต่อให้เป็น AI รุ่นใหม่สุด ก็ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดนี้ เพียงแต่… หน้าสมุดมันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ตามวิวัฒนาการของแต่ละรุ่น Context Window คืออะไร ในเชิงเทคนิค Context Window คือ จำนวนโทเค็น (token) ที่โมเดล AI สามารถรับเข้ามาและใช้เป็น “บริบท” (context) สำหรับคิดและตอบกลับได้ในการทำงานรอบหนึ่ง โทเค็น (token) คือหน่วยข้อมูลที่เล็กกว่าคำ อาจเป็นแค่พยางค์ ตัวอักษร หรือกลุ่มตัวอักษร ขึ้นกับภาษา เช่น คำว่า “สวัสดีครับ” อาจนับได้ 3–4 โทเค็น และประโยคหนึ่ง ๆ จึงมีโทเค็นมากกว่าจำนวนคำ ทำงานอย่างไร AI จะอ่านข้อมูลที่เรา...

ChatGPT - 5: ก้าวกระโดดของ AI ที่เกินกว่าคำว่า Upgrade

Image
“ในโลกของ AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว GPT - 5 ไม่ใช่แค่รุ่นถัดไป...แต่มันคือแพลตฟอร์มใหม่ของความสามารถเชิงปัญญาที่รวมทุกสิ่งไว้ในตัวเดียว” ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2025 หลายสำนักข่าวเทคโนโลยีทั่วโลกต่างจับตา OpenAI กับการปล่อยโมเดลใหม่ล่าสุด “ ChatGPT - 5 ” ซึ่งว่ากันว่าคือจุดเปลี่ยนสำคัญของ AI ระดับผู้ใช้งานทั่วไปอีกครั้งหนึ่ง ผู้เขียนได้ลองรวบรวมคุณสมบัติเด่น จุดต่างจากรุ่นก่อนหน้า และวิเคราะห์ว่า “GPT - 5 ก้าวกระโดด” คืออะไรกันแน่ เพื่อชวนให้คิดต่อว่า...เทคโนโลยีนี้กำลังจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราไปอีกแบบจริงหรือไม่ GPT‑5: ความอัจฉริยะรวมทุกมิติในตัวเดียว 1. Unified Intelligence: AI ตัวเดียวจบทุกภารกิจ GPT‑5 เป็นโมเดลแรกของ OpenAI ที่รวมความสามารถ reasoning สูงสุด (จากซีรีส์ o3) เข้ากับระบบ multimodal input/output (ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ) ภายในระบบเดียว ไม่ต้องสลับโมเดลไปมา ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพ พูดคุยด้วยเสียง หรือแม้แต่วิเคราะห์วิดีโอ แล้วให้ GPT‑5 ตอบกลับได้แบบเนียนสนิท 2. Reasoning & ความแม่นยำสูงขึ้นหลายระดับ เบื้องหลังของ GPT‑5 คือโครงสร้าง o3-series ซึ่...

บทเรียนจากผลตรวจสุขภาพประจำปี: เมื่อเลือดของผู้เขียนเริ่มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

Image
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งที่ผู้เขียนทำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำตามกิจกรรมประจำปีของบริษัท แต่เพราะผู้เขียนอยากรู้จักร่างกายของตัวเองให้ดีขึ้น และไม่ปล่อยให้สิ่งผิดปกติสะสมอยู่แบบเงียบ ๆ ปีนี้ ผู้เขียนเจอกับประเด็นหนึ่งในผลเลือดที่สะดุดตา: "เลือดข้นเล็กน้อย" อ่านแล้วอาจรู้สึกไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ได้แสดงอาการอะไรเลย แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเรื่องสุขภาพไม่มีคำว่าเล็กน้อย ถ้ามันเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ผู้เขียนจึงเริ่มศึกษาลึกขึ้น และเขียนบทความนี้ไว้ เผื่อใครที่เจอผลเลือดคล้าย ๆ กันจะได้มีข้อมูลประกอบการดูแลตัวเอง ผลเลือดของผู้เขียนที่น่าสนใจในช่วง 3 ปีล่าสุด ปี พ.ศ. RBC (ล้านเซลล์/µL) Hb (g/dL) Hct (%) 2566 4.92 15.4 47.0 2567 5.56 16.5 50.0 2568 6.13 ⚠️ 17.8 ⚠️ 52.6 ⚠️ ค่าทั้งสามตัวนี้บ่งบอกถึงปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกาย รวมถึงความเข้มข้นของฮีโมโกลบินและสัดส่วนเม็ดเลือดในพลาสมา ซึ่งถ้าสูงเกินไปอาจทำให้เลือดหนืดขึ้น ส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด สิ่งที่ผู้เขียนพบคือค่าทั้ง RBC, Hb และ Hct ของผู้เขียน ในช่วง 3 ...

ชวนคุยเรื่อง AI กับภารกิจถอดรหัสความรู้จากเอกสารกองโต

Image
  โลกยุคใหม่กับคลื่นข้อมูลมหาศาล ในศตวรรษที่ 21 เรากำลังอยู่ในยุคที่ข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลาและไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นรายงานวิจัย เอกสารราชการ ข้อมูลการประชุม หรือโพสต์โซเชียลมีเดีย ข้อมูลทั้งหมดนี้ล้วนแฝงไว้ด้วย “ความรู้” ที่อาจมีคุณค่า แต่การจะเข้าถึงและเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดนั้นเกินขีดความสามารถของมนุษย์ทั่วไป ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า "เราจะทำอย่างไรให้สามารถแปลงกองเอกสารมหาศาล (ไม่ว่าจะเป็นกองกระดาษเป็นลังๆ หรือไฟล์ดิจิทัลนับพัน) กลายเป็นองค์ความรู้ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง?" คำตอบหนึ่งที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งวงวิชาการและภาคธุรกิจ ก็คือ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI โดยเฉพาะในสาขาการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) AI กับภารกิจถอดรหัสความรู้จากเอกสาร AI ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือช่วยสแกนข้อความ แต่สามารถ 'อ่าน' 'เข้าใจ' และ 'สรุปใจความ' จากข้อความจำนวนมหาศาลได้ในระดับที่มนุษย์อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานที่เห็นได้ชัด เช่น: การสรุปอั...

Gemini: AI ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google แตกต่างกันอย่างไรระหว่าง "ฟรี" กับ "โปร"?

Image
ในยุคดิจิทัลที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างมาก Google ได้นำเสนอ AI ผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Gemini (พัฒนามาจาก Bard) ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันที่ให้ใช้ฟรี และเวอร์ชันที่ต้องสมัครสมาชิกแบบพรีเมียมอย่าง Google AI Pro (หรือ Google One AI Premium และล่าสุดมี Google AI Ultra) ผู้เขียนได้รับคำถามจากท่านหนึ่งว่า “ควรเสียเงินสมัคร Google AI pro หรือไม่ ต่างจากใช้ฟรีอย่างไร” ก็คงตรงกับหลายท่านที่กำลังลังเลว่าจะสมัครหรือไม่สมัครดี บทความนี้ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลมาสรุปให้ทราบว่าสองเวอร์ชันนี้แตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะกับความต้องการของเรา ให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ๆ ตามนี้ครับ Gemini (เวอร์ชันฟรี): ผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับการใช้งานทั่วไป สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ต้องการ AI เพื่อช่วยงานพื้นฐาน Gemini เวอร์ชันฟรีก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ โมเดลที่ใช้: Gemini เวอร์ชันฟรีใช้โมเดล Gemini Pro 1.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงพอสมควรสำหรับการสนทนา การสร้างข้อความ และการตอบคำถามทั่วไป ความสามารถหลัก: ตอบคำถาม: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ทั่วไป ข้อมูลเฉพาะทาง หรือแม้แต่การแปลภาษา สร้างเนื้อหา: ...