Deep Research: เครื่องมือใหม่ของ ChatGPT สำหรับการค้นคว้าเชิงลึกแบบมืออาชีพ
หากผู้อ่านเคยรู้สึกว่า การค้นคว้าข้อมูลเพื่อศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจังนั้นใช้เวลามาก และมักเจอแต่แหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือหรือกระจัดกระจาย ฟีเจอร์ใหม่จาก OpenAI ที่ชื่อว่า Deep Research อาจเป็นคำตอบที่เปลี่ยนวิธีการศึกษาของเราไปโดยสิ้นเชิง
Deep Research บน ChatGPT (เฉพาะ GPT-4 Turbo) เปิดให้ใช้ทั่วโลกในวันนี้ 25 เมษายน 2568 เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น รายงานวิจัย บทความวิชาการ ข่าวจากสื่อหลัก และเว็บไซต์คุณภาพสูง พร้อมสรุปผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย โดยมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลให้พร้อมในตัว
ทำไม Deep Research จึงน่าสนใจ?
ไม่ว่าผู้อ่านจะกำลังทำรายงานวิชาการ ค้นคว้าเพื่อเตรียมงานนำเสนอ หรือเพียงต้องการทำความเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ลึกและรอบด้าน Deep Research ช่วยให้การศึกษาเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยคุณสมบัติเด่น เช่น:
-
ข้อมูลสดใหม่จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
-
อ้างอิงพร้อมลิงก์ตรวจสอบได้จริง
-
สรุปเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบเข้าใจง่าย
-
ประหยัดเวลาในการค้นคว้าเองหลายชั่วโมง
เริ่มต้นใช้งาน Deep Research ได้อย่างไร?
-
ต้องใช้ ChatGPT เวอร์ชัน Plus หรือ Pro เท่านั้น (เฉพาะ GPT-4 Turbo)
-
เปิดใช้งาน Deep Research ผ่านเมนู Settings > Personalization หรือ Beta features
-
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว สามารถพิมพ์คำถามหรือหัวข้อที่ต้องการศึกษาได้ทันที เช่น:
-
"ช่วยทำ deep research เรื่องผลกระทบของ microplastic ต่อระบบทางเดินอาหารของมนุษย์"
-
"ขอรายงานเปรียบเทียบนโยบาย Net Zero ของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
-
ระบบจะใช้เวลาสักครู่ในการรวบรวม วิเคราะห์ และสรุปผลในรูปแบบรายงาน พร้อมระบุแหล่งที่มาชัดเจน
ความแตกต่างระหว่าง Deep Research และ Lightweight Deep Research
Deep Research แบบเต็มรูปแบบจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่ผ่านการวิเคราะห์และรวบรวมจากหลายแหล่งข้อมูลอย่างรอบด้าน พร้อม citation และลิงก์อ้างอิงที่ตรวจสอบได้ เหมาะกับกรณีที่ต้องการความละเอียด เช่น งานวิจัย รายงานกลยุทธ์ หรือการศึกษาสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญ
ส่วน Lightweight Deep Research เป็นเวอร์ชันที่ออกแบบให้รวดเร็วและใช้ทรัพยากรน้อยกว่า เหมาะกับการค้นหาข้อมูลเบื้องต้น หรือสรุปข้อมูลจากแหล่งเดียวหรือสองแหล่งโดยไม่ลงรายละเอียดลึกมากนัก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดโควตา หรือใช้งานทั่วไปแบบไม่เป็นทางการ
กล่าวง่าย ๆ:
-
Deep Research = วิเคราะห์ลึก อ้างอิงครบ ใช้เวลานานกว่า
-
Lightweight Deep Research = เร็วกว่า เบากว่า แต่ไม่ละเอียดเท่า
สิทธิ์การใช้งานในแต่ละระดับบัญชี
| ประเภทบัญชี | Deep Research (ครั้ง/เดือน) | Lightweight Deep Research |
|---|---|---|
| Free | 5 | ไม่มี |
| Plus | 10 | +15 ครั้งเพิ่มเติม |
| Pro | 125 | +125 ครั้งเพิ่มเติม |
หมายเหตุเพิ่มเติม
-
หากยังไม่พบตัวเลือก Deep Research ใน Settings อาจเป็นเพราะฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งานสำหรับบัญชีนั้น
-
Deep Research ใช้เวลามากกว่าคำถามทั่วไป (ประมาณ 5–30 นาที) แต่ผลลัพธ์จะละเอียดและมีคุณภาพสูงกว่า
สรุป
Deep Research ไม่ได้เป็นเพียงฟีเจอร์สำหรับนักวิจัยหรือผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น แต่เหมาะกับทุกคนที่ต้องการเข้าใจหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งอย่างลึกซึ้งและมีหลักฐานอ้างอิงรองรับ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะทำให้การศึกษาค้นคว้าในยุค AI มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

Comments
Post a Comment