Carbon Neutrality และ Net Zero: ความแตกต่างและนัยสำคัญของสองเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ

ในปัจจุบัน ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง คำว่า "Carbon Neutrality" (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) และ "Net Zero" (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์) ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในบทสนทนาและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งสองคำนี้ แม้จะมีความเชื่อมโยงกันในการลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ก็มีความแตกต่างในขอบเขตและแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ ซึ่งได้เขียนถึงไว้สั้น ๆ แล้วในบทความ "Net Zero คืออะไร? รวมศัพท์ต้องรู้ ก่อนจะงงไปมากกว่านี้" อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเห็นว่าควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงความแตกต่าง

Carbon Neutrality: ความหมายและแนวทางการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

Carbon Neutrality หรือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน มุ่งเน้นไปที่การสร้างสมดุลระหว่างปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ กับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกดูดซับหรือชดเชยกลับคืนมา ส่งผลให้ยอดสุทธิของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศเป็นศูนย์

องค์ประกอบหลักของ Carbon Neutrality ประกอบด้วย:

  • การให้ความสำคัญกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (): เป็นเป้าหมายหลักในการจัดการ
  • แนวทางการดำเนินการ:
    • การลดการปล่อย (Emission Reduction): ความพยายามในการลดปริมาณการปล่อย CO2 จากแหล่งกำเนิดโดยตรง เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน
    • การชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting): ในกรณีที่ยังมีการปล่อย CO2 ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะมีการใช้มาตรการชดเชย เช่น การลงทุนในโครงการปลูกป่าและอนุรักษ์ป่าไม้ (เนื่องจากพืชพรรณมีบทบาทในการดูดซับ CO2) หรือการจัดซื้อ "คาร์บอนเครดิต" จากโครงการที่ได้รับการรับรองว่าสามารถลดหรือกักเก็บคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Net Zero: เป้าหมายที่ครอบคลุมสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

สำหรับ Net Zero หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นั้น เป็นเป้าหมายที่มีขอบเขตกว้างกว่าและมีความท้าทายในระดับที่สูงกว่า Carbon Neutrality

ลักษณะสำคัญของ Net Zero คือ:

  • การครอบคลุมก๊าซเรือนกระจกทุกชนิด (Greenhouse Gases - GHGs): ครอบคลุมก๊าซเรือนกระจกหลักที่ได้รับการควบคุมภายใต้ข้อตกลงปารีสมี 7 ชนิด ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂), มีเทน (CH₄), ไนตรัสออกไซด์ (N₂O), ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs), เพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs), ซัลเฟอร์เฮกซาฟลูออไรด์ (SF₆), ไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF₃)

  • แนวทางการดำเนินการ:
    • การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเข้มข้น (Deep Decarbonization): เป้าประสงค์หลักคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกชนิดจากทุกแหล่งกำเนิดให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ในทางเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ (approaching zero emissions)
    • การกำจัดก๊าซเรือนกระจกอย่างถาวร (Permanent GHG Removal): สำหรับปริมาณก๊าซเรือนกระจกส่วนน้อยที่ยังคงหลงเหลืออยู่และไม่สามารถลดได้อีกด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน จะต้องถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศอย่างถาวรด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เทคโนโลยีดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage - CCUS) หรือการส่งเสริมกลไกการดูดซับตามธรรมชาติในระยะยาวและมีความเสถียร

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Carbon Neutrality และ Net Zero

เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้เขียนได้สรุปประเด็นสำคัญดังตารางต่อไปนี้:

ประเด็นCarbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน)Net Zero (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์)
ชนิดก๊าซมุ่งเน้นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นหลักครอบคลุมก๊าซเรือนกระจก (GHGs) ทุกชนิด
แนวทางหลักลดการปล่อย CO2 และ/หรือ "ชดเชย" (Offset) ปริมาณ CO2 ที่ปล่อยออกมาลดการปล่อย GHGs ทุกชนิดจากต้นทางให้มากที่สุด และ "กำจัด" (Remove) ส่วนที่เหลืออย่างถาวร
ระดับความเข้มข้นอนุญาตให้มีการใช้กลไกการชดเชยคาร์บอนในสัดส่วนที่อาจมีนัยสำคัญเน้นการลดการปล่อยที่แหล่งกำเนิดอย่างถึงที่สุด ก่อนพิจารณาการกำจัดส่วนที่เหลือ
ขอบเขตเป้าหมายมักใช้ในระดับองค์กร ผลิตภัณฑ์ หรือกิจกรรมเฉพาะ หรืออาจถือเป็นขั้นตอนแรกที่นำไปสู่เป้าหมาย Net Zero ประเทศ

ประเทศไทยตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 (พ.ศ. 2593)
โดยทั่วไปเป็นเป้าหมายระดับประเทศ ระดับภูมิภาค หรือระดับโลก ที่มีขอบเขตครอบคลุมกว่า

ประเทศไทยตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 (พ.ศ. 2608)

นัยสำคัญของการทำความเข้าใจความแตกต่าง

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Carbon Neutrality และ Net Zero มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลต่อการกำหนดนโยบาย การวางยุทธศาสตร์ของภาคธุรกิจ และการตัดสินใจของภาคส่วนต่างๆ ในสังคม Net Zero ได้รับการยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับความพยายามในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ตามที่ระบุไว้ในความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในขณะที่ Carbon Neutrality สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นหมุดหมายสำคัญ หรือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางที่มุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ครอบคลุมกว่า

โดยสรุป แม้ว่าทั้ง Carbon Neutrality และ Net Zero จะมีเป้าประสงค์ร่วมกันในการแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่ Net Zero นับเป็นมาตรฐานที่เข้มงวดและครอบคลุมกว่า ซึ่งจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการรักษาสมดุลของสภาพภูมิอากาศโลกในระยะยาว การตระหนักถึงความแตกต่างนี้จะช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถกำหนดทิศทางและมีส่วนร่วมในการดำเนินการได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ


รายการอ้างอิง (References):

รายการอ้างอิงที่สำคัญเพื่อให้ผู้อ่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ดังนี้

  1. United Nations Climate Change (UNFCCC): เป็นองค์กรหลักภายใต้สหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีข้อมูลเกี่ยวกับคำจำกัดความและเป้าหมาย Net Zero ภายใต้แคมเปญต่างๆ เช่น "Race To Zero".

    • เว็บไซต์: unfccc.int
  2. Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC): โดยเฉพาะรายงานพิเศษ "Global Warming of 1.5°C" (SR1.5) ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเส้นทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จำเป็น และบทบาทของ Net Zero emissions

    • เว็บไซต์: ipcc.ch
  3. Science Based Targets initiative (SBTi): องค์กรที่ให้แนวทางและมาตรฐานสำหรับภาคเอกชนในการตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด รวมถึงการพัฒนา "SBTi Corporate Net-Zero Standard".

    • เว็บไซต์: sciencebasedtargets.org
  4. World Resources Institute (WRI): สถาบันวิจัยระดับโลกที่เผยแพร่บทวิเคราะห์และข้อมูลเกี่ยวกับความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม รวมถึงคำอธิบายเกี่ยวกับ Net Zero และ Carbon Neutrality.

    • เว็บไซต์: wri.org
  5. Carbon Trust: องค์กรที่ปรึกษาอิสระที่ทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ทั่วโลกเพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน มีบทความที่ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Carbon Neutrality และ Net Zero.

    • เว็บไซต์: carbontrust.com

Comments

Popular Posts of Last 30 days

ขับเคลื่อนด้วยคำตอบจาก AI แต่กำหนดทิศทางด้วยคำถามของเราเอง

รูปแบบการซ้อมที่นักวิ่งระยะไกลควรรู้

โลกไม่ได้หมุนรอบเรา...และเราก็ไม่ต้องหมุนตามใคร