Endurance Score: ค่าความอึดฉบับ Smart Watch และอนาคตของการฝึกซ้อม
Smart Watch วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา หรืออุปกรณ์แจ้งเตือนข้อความอีกต่อไปครับ มันได้พัฒนามาเป็นเหมือน “โค้ชส่วนตัว” ที่คอยประจำอยู่บนข้อมือของเรา ช่วยให้เข้าใจร่างกาย และมองเห็นประสิทธิภาพการออกกำลังกายอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
จากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการนับก้าว วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค Data-Driven Training ที่ทุกอย่างอิงจากข้อมูลเชิงลึก หนึ่งในฟีเจอร์ที่กำลังเปลี่ยนแนวทางการฝึกซ้อมสาย Endurance โดยตรงก็คือ Endurance Score ของ Garmin ครับ
ทำความเข้าใจ "Endurance Score": ค่าความอึดที่จับต้องได้
Endurance Score เป็นฟีเจอร์ที่อยู่ใน Smart Watch ยี่ห้อ Garmin ที่สร้างขึ้นเพื่อประเมินความสามารถของเราในการทนทานต่อการออกกำลังกายที่ใช้เวลานาน และมีความเข้มข้นตั้งแต่ต่ำไปจนถึงปานกลาง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยานทางไกล หรือปีนเขา
การคำนวณคะแนนนี้อ้างอิงจาก 2 ปัจจัยหลัก:
-
ภาพรวมฟิตเนส (Fitness Level): ใช้ค่า VO₂ Max เป็นตัววัดประสิทธิภาพของร่างกายในการใช้ออกซิเจน
-
ประวัติการฝึกซ้อม (Training History): วิเคราะห์ข้อมูลกิจกรรมที่บันทึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกหนักหรือการซ้อมระยะยาว เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองต่อความหนักหน่วงสะสมได้อย่างไร
พูดง่าย ๆ ก็คือ หากเราฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ทั้งแบบหนักและเบา ค่า Endurance Score จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งหมายถึง “สมรรถภาพความอึด” ที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมครับ
เกณฑ์คะแนนและระดับความอึด
Garmin แบ่งระดับคะแนนของ Endurance Score ออกมาอย่างชัดเจน เพื่อให้เราเห็นว่าเราอยู่ในระดับไหน:
ช่วงคะแนน | ระดับความอึด | คำอธิบายโดยประมาณ |
---|---|---|
ต่ำกว่า 3,000 | Beginner | อึดในระดับพื้นฐาน เหนื่อยง่ายเมื่อต้องออกกำลังนาน ๆ |
3,000 – 4,000 | Developing | เริ่มมีรากฐานความอึด สามารถออกกำลังต่อเนื่องได้นานขึ้น |
4,000 – 6,000 | Intermediate | มีความอึดที่ดี สามารถร่วมกิจกรรม Endurance ระดับกลางได้ |
6,000 – 8,000 | Advanced | พร้อมแข่งขัน Endurance ระยะไกล ฝึกซ้อมจริงจัง |
สูงกว่า 8,000 | Elite | ระดับยอดเยี่ยม อึดสูงสุดในแบบนักกีฬาชั้นนำ |
สิ่งสำคัญคือ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่เราวิ่งเร็วขึ้น แต่คือ เรากำลัง “อึดขึ้น” และนี่คือข้อมูลเชิงลึกที่มีค่ามากสำหรับนักกีฬาสายทนทาน ผู้เขียนเอง ณ วันที่กำลังเขียนบทความนี้มีค่า Endurance Score อยู่ที่ 5450 หมายถึงว่ายังเป็นพวกปานกลาง ต้องฝึกซ้อมอีกมากเพื่อพัฒนาตัวเอง
แล้วแบรนด์อื่นทำอะไรบ้าง?
แม้ชื่อ Endurance Score จะเป็นเอกลักษณ์ของ Garmin แต่แนวคิดเรื่องการวัด “ความอึด” นั้นเป็นหัวใจของ Smart Watch ทุกค่าย ต่างกันเพียงรูปแบบการนำเสนอ:
-
Polar – Training Load Pro: ติดตามทั้ง Cardio Load และ Muscle Load พร้อมคำแนะนำการฟื้นตัว รายงานชัดเจนว่าร่างกายสะสมความหนักหน่วงไว้แค่ไหน
-
Coros – Training Load & Recovery Time: คำนวณภาระการฝึกและเวลาฟื้นตัวได้แม่นยำ ทำให้ผู้ใช้รู้จังหวะฝึกและพักได้พอดี
-
Suunto – TrainingPeaks Integration: เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มมืออาชีพ ใช้ตัวชี้วัดอย่าง TSS (Training Stress Score) ที่นักกีฬา Endurance ทั่วโลกคุ้นเคย
ทำไมฟีเจอร์นี้ถึงสำคัญ?
การมี Endurance Score หรือฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันบน Smart Watch ไม่ใช่เรื่องของ “ลูกเล่น” แต่เป็น เครื่องมือวิเคราะห์ทรงพลัง ที่มอบประโยชน์จริง ๆ ให้กับนักกีฬา:
-
วางแผนการฝึกซ้อมได้ตรงจุด → ช่วยบาลานซ์ระหว่างการซ้อมหนักเพื่อพัฒนา VO₂ Max และการซ้อมยาวเพื่อสร้างความอึด
-
ลดความเสี่ยงบาดเจ็บและ Overtraining → เห็นภาระสะสมที่แท้จริง ทำให้รู้ว่าควรพักเมื่อไหร่
-
สร้างแรงบันดาลใจเชิงตัวเลข → ตัวเลขที่ค่อย ๆ ขยับขึ้น เป็นกำลังใจให้เรามั่นใจว่า การซ้อมของเรากำลังแปรเปลี่ยนเป็นความอึดที่แท้จริง
บทสรุป
ในยุคที่เทคโนโลยีสุขภาพพัฒนาอย่างก้าวกระโดด Smart Watch ไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์สวมใส่ แต่คือ เพื่อนคู่คิดและผู้ช่วยโค้ช ที่ทำให้เราเข้าใจร่างกายลึกขึ้นกว่าเดิม
Endurance Score คือหนึ่งในสัญญาณชัดเจนว่า โลกการฝึกซ้อมกำลังเปลี่ยนไป เราจะไม่ซ้อมแค่ตามความรู้สึกอีกต่อไป แต่ซ้อมบน “ข้อมูลจริง” ที่วัดได้ เห็นได้ และใช้เป็นแผนพัฒนาได้
สำหรับนักกีฬาสาย Endurance แล้ว ตัวเลขนี้อาจไม่ใช่แค่คะแนนบนหน้าจอ แต่คือบันไดที่พาเราไปสู่เป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมครับ
Comments
Post a Comment