Deep Research + Voice Mode: ฟีเจอร์ใหม่ใน Projects ที่เปลี่ยน ChatGPT ให้เป็นผู้ช่วยมือโปร

เช้านี้ (13 มิ.ย. 68) ผู้เขียนเปิด ChatGPT ขึ้นมาทำงานตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติก็ปรากฏขึ้นมา (อีกแล้ว) ในรูปของแถบสีฟ้าเล็ก ๆ ตรงเมนู New Project ฝั่งซ้ายหน้าจอ พร้อมข้อความว่า

"Projects can do more"
Now you can run deep research and use voice mode within your projects.

สิ่งที่ผุดขึ้นในใจคือความสามารถที่ว่า "do more" นั้น หมายถึงอะไร? ผู้เขียนเลยขอพาไปทำความรู้จักกับฟีเจอร์นี้ พร้อมอัปเดตความสามารถล่าสุด ที่น่าจะเปลี่ยนวิธีใช้งาน ChatGPT ไปอีกขั้นหนึ่งเลยทีเดียว

📁 Projects คืออะไรใน ChatGPT?

โดยปกติแล้ว เวลาเราใช้งาน ChatGPT เราจะพูดคุยหรือสอบถามในรูปแบบ “แชต” ซึ่งมักเป็นการสนทนาสั้น ๆ แบบจบเป็นรอบ ๆ ไป

แต่ Projects คืออีกขั้นของการใช้งาน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ “งานที่ซับซ้อนกว่าเดิม” ผู้ใช้สามารถ:
- สร้างพื้นที่ทำงานแบบแยกเป็นโปรเจกต์
- รวมไฟล์หลายประเภทไว้ในที่เดียว
- เขียนโน้ต บันทึกเป้าหมาย
- และที่สำคัญที่สุด — ขอให้ ChatGPT วิเคราะห์หรือช่วยวางแผนได้อย่างต่อเนื่องในบริบทเดียวกัน

จะว่าไป Projects ก็เปรียบเสมือน “โต๊ะทำงานดิจิทัล” ของผู้ใช้ที่ AI สามารถช่วยจัดระเบียบและวิเคราะห์ทุกอย่างให้ในบริบทของโปรเจกต์นั้น ๆ

🔍 ฟีเจอร์ใหม่: Deep Research Mode คืออะไร?

ก่อนหน้านี้ แม้จะมี Projects แล้ว แต่ยังไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ "ค้นคว้าลึก" ได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้ ChatGPT ได้เพิ่ม Deep Research Mode เข้ามา ทำให้ผู้ใช้สามารถ:
- ป้อนไฟล์หลายไฟล์ลงไปในโปรเจกต์
- ตั้งเป้าหมาย เช่น “ช่วยวิเคราะห์,” “ช่วยเปรียบเทียบข้อมูล,” หรือ “สรุปความเห็นเชิงลึก”
- และปล่อยให้ AI วิเคราะห์เชิงโครงสร้างจากบริบททั้งหมดที่เรามี

เหมาะอย่างยิ่งกับ:
- การเขียนรายงานขนาดใหญ่
- การจัดทำเอกสารโครงการ
- การเตรียมสไลด์พรีเซนต์
- หรือแม้แต่การศึกษาหัวข้อเฉพาะทางแบบ research paper

🗣️ ฟีเจอร์ใหม่: Voice Mode ใช้งานในโปรเจกต์ได้แล้ว

หนึ่งในความสามารถเด่นของ ChatGPT เวอร์ชันล่าสุดคือโหมดเสียงที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับ AI แบบโต้ตอบได้ราวกับสนทนากับมนุษย์จริง ๆ แต่เดิม ฟีเจอร์นี้ใช้ได้แค่ในหน้าแชตปกติเท่านั้น

ตอนนี้ Voice Mode ถูกเปิดใช้งานภายใน Projects แล้ว! ผู้ใช้สามารถ:
- พูดกับ AI เพื่ออธิบายสิ่งที่ต้องการ
- ขอคำแนะนำ สรุปผล หรือ brainstorm ได้ในขณะทำงาน
- ลดการพิมพ์ เพิ่มการพูด — สะดวกและอิสระมากขึ้น

📊 ความแตกต่างก่อน-หลัง: ทำไมถึง “can do more” จริง ๆ?

การอัปเดตล่าสุดของ ChatGPT ทำให้คำว่า “Projects can do more” ไม่ใช่แค่คำโปรยเก๋ ๆ แต่เป็นการเปิดขอบเขตใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานจริงจังกับ AI ได้เหมือนมีผู้ช่วยมืออาชีพประจำโต๊ะ

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ผู้เขียนขอเปรียบเทียบระหว่าง "ก่อน" และ "หลัง" ดังนี้:

ฟีเจอร์ก่อนหน้าตอนนี้
Projects- ใช้เก็บโน้ต, บันทึกไอเดียเบื้องต้น
- เพิ่มไฟล์ได้ แต่การวิเคราะห์ยังพื้นฐาน
- ChatGPT จำสิ่งที่เคยพูด แต่ยังไม่เข้าใจความเชื่อมโยงในระดับลึก
- สามารถวิเคราะห์ข้ามไฟล์และโน้ตได้แบบเชื่อมโยง
- เหมาะกับงานเชิงวิเคราะห์, วิจัย, และวางแผน
- รักษาบริบทของโปรเจกต์ได้ต่อเนื่องหลายรอบ
Deep Researchยังไม่มีให้ใช้งาน – ต้องพิมพ์ข้อมูลใหม่ หรือถามเป็นรอบ ๆ ตามแชตทั่วไป
ใหม่ล่าสุด: ให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในโปรเจกต์ได้แบบครบวงจร เช่น วิเคราะห์ไฟล์รายงาน เปรียบเทียบข้อมูล สรุป insight
Voice Mode✅ ใช้ได้เฉพาะหน้าแชต — เหมาะกับการโต้ตอบเร็ว ๆ แต่ไม่เชื่อมโยงกับโปรเจกต์ที่ซับซ้อน
✅ ใช้ใน Projects ได้แล้ว — พูดกับ AI ขณะทำงานจริงได้เลย เช่น ให้ช่วยสรุปไฟล์ที่แนบ หรือช่วยจัดเรียงความคิดเป็น outline
ความต่อเนื่อง- ทุกแชตแยกกันเป็นเคส ๆ ไป (เหมือนสมุดโน้ตหน้าเดียว)
- ข้อมูลเก่าต้อง copy มาเองหากจะวิเคราะห์ต่อ
- Projects เหมือน workspace ที่ ChatGPT จำและเข้าใจทุกอย่างที่เราทำ
- ข้ามวัน/เดือนก็ยังคงบริบทเดิมไว้ได้
การทำงานร่วมกับ AI- เหมาะกับงานระดับ task-by-task (ถาม–ตอบเป็นครั้ง ๆ)- เหมาะกับงานระดับ goal-oriented เช่น วางแผนงาน, วิเคราะห์เชิงลึก, เตรียมเอกสาร, และ research แบบ end-to-end

🧠 สรุป: Projects ไม่ใช่แค่โฟลเดอร์ แต่เป็นพื้นที่ทำงานร่วมกับ AI

“Projects” ในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน มันไม่ใช่แค่พื้นที่เก็บไฟล์หรือแยกแชตออกจากกัน แต่เป็น “โต๊ะทำงานเสมือน” ที่ AI สามารถเข้าใจสิ่งที่เรากำลังทำ วิเคราะห์สิ่งที่เราต้องการ และช่วยผลักดันให้โปรเจกต์เดินหน้าได้อย่างเป็นระบบ

หากคุณเป็นผู้ใช้ที่ต้องทำงานหลายชิ้นพร้อมกัน หรืออยากให้ AI ช่วยวางแผน คิด วิเคราะห์ — ลองเปิดใช้งาน Projects และสัมผัสฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ด้วยตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่า… ChatGPT "can do more" จริง ๆ แล้วครับ 😊


Comments

Popular Posts of Last 30 days

ขับเคลื่อนด้วยคำตอบจาก AI แต่กำหนดทิศทางด้วยคำถามของเราเอง

รูปแบบการซ้อมที่นักวิ่งระยะไกลควรรู้

โลกไม่ได้หมุนรอบเรา...และเราก็ไม่ต้องหมุนตามใคร